การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องความมั่นคงไฟฟ้าของประเทศไทย ได้ลงทุนพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโซลาร์ลอยน้ำ ซึ่งมีแผนที่จะขยายไปตามเขื่อนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกฟผ. อีกหลายแห่ง รวมถึงมีแผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำสูบกลับ ซึ่งนอกจากช่วยเสริมความมั่นคงด้านไฟฟ้าแล้วยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ไทยบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) ภายในปี 2050 และ Net Zero Emissions (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์) ภายในปี 2065

โรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับหรือระบบกักเก็บพลังงานด้วยพลังน้ำขนาดใหญ่ (Energy Storage System: ESS) เป็นระบบกักเก็บพลังงานประเภทหนึ่งที่มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำ ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้าได้ การผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าชนิดนี้ใช้หลักการเดียวกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั่วไป คือ เก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำ แล้วปล่อยน้ำผลิตไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก
นายวิภู พิวัฒน์ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. ระบุว่า เขื่อนจุฬาภรณ์เป็นอีกเขื่อนของกฟผ.ที่มีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำสูบกลับ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 800 เมกะวัตต์ กอบวงเงินลงทุนราว 31,300 ล้านบาท เดิมโครงการนี้อยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2024) โดยปัจจุบัน กฟผ.ได้ทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดทำรายละเอียด TOR และจ้างที่ปรึกษาออกแบบโครงการ
อย่างไรก็ตามโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์ หากสามารถดำเนินการได้ตามแผน แล้วเริ่มดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 8 ปี เมื่อจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าระบบ (COD) จะช่วยเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของเขื่อนจุฬาภรณ์ได้เป็นอย่างดี จากปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์นั้นมีขนาดกำลังการผลิตที่ 40 เมกะวัตต์


โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสูบกลับเขื่อนจุฬาภรณ์จะใช้อ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ที่กั้นลำน้ำพรม มีความจุ 163.75 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นอ่างเก็บน้ำตอนบน ส่งน้ำผ่านอุโมงค์ส่งน้ำที่อยู่ใต้ดิน วางท่อส่งน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เมตร ความยาวกว่า 3 กิโลเมตร ผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและใช้อ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ตอนล่างที่กั้นห้วยน้ำสุ ปัจจุบันมีความจุกว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร จะขยายความจุของอ่างเพิ่มเป็น 13 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นอ่างเก็บน้ำส่วนล่างกักเก็บน้ำไว้สูบกลับขึ้นไปในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ตามร่างแผน PDP 2024 ของกฟผ. นอกจากที่เขื่อนจุฬาภรณ์แล้ว ยังมีอีก 2 เขื่อนที่อยู่ในแผน PDP 2024 คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนวชิราลงกรณ กำลังการผลิต 891 เมกะวัตต์ กำหนด COD ปี 2579 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับเขื่อนกระทุน จ.นครศรีธรรมราช กำลังการผลิต 780 เมกะวัตต์ กำหนด COD ปี 2580
ขณะที่ในปัจจุบัน กฟผ. มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ 3 แห่ง ได้แก่ 1.เขื่อนศรีนครินทร์ เครื่องที่ 4 และ 5 จังหวัดกาญจนบุรี กำลังผลิต 360 เมกะวัตต์ 2.เขื่อนภูมิพล เครื่องที่ 8 จังหวัดตาก กำลังผลิต 171 เมกะวัตต์ และ 3.โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา จังหวัดนครราชสีมา กำลังผลิต 1,000 เมกะวัตต์