รฟม. สั่งผู้รับเหมาเร่งซ่อมถนนเปิดใช้ภายใน 14 วัน ตรวจสอบสาเหตุถนนถลุ่ม พร้อมเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ยันไม่ทำให้การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ล่าช้า ลั่นงานโยธาเสร็จ ต.ค. 70
นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวถึงกรณีเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ว่า รฟม. พร้อมกับกิจการร่วมค้า ซีเคเอสที – พีแอล ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับเหมาก่อสร้างงานโยธา สัญญา 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ จะเร่งดำเนินการซ่อมแซมถนนให้สามารถกลับมาใช้บริการได้ภายใน 14 วัน


อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ได้เร่งดำเนินการปิดจุดที่ดินและน้ำรั่วเข้าอุโมงค์รถไฟฟ้าบริเวณผนัง D-Wall สถานีด้านทิศเหนือ โดยใช้วิธีถมถุงทรายลงไปปิดรอยรั่วของอุโมงค์ประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตร และถมหินคลุก แล้วเทคอนกรีตหนา 3-4 เมตร เพื่อป้องกันการไหลของดินเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าและอุโมงค์ จากนั้นจึงทำการถมทรายขึ้นมาจนถึงระดับดินเดิมแล้วคืนสภาพผิวจราจรให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็ว และเร่งซ่อมแซม สถานีรถไฟฟ้า อุโมงค์ รวมทั้งซ่อมแซมอาคารที่ได้รับผลกระทบ เช่น สถานีตำรวจสามเสน ก็ต้องเร่งดำเนินการให้กลับไปอยู่อาศัยได้ตามปกติ พร้อมทั้งจะเร่งเยียวยาประชาชน ตลอดจนทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อย่างดีที่สุด โดย รฟม.ได้ตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและเยียวยาผู้รับผลกระทบ และลงพื้นที่ดูแลทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบทันที
ในส่วนของการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม.ชี้แจงรายละเอียดลำดับเหตุการณ์ ดังนี้ เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. เริ่มมีผู้สังเกตเห็นถนนสามเสน บริเวณทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล มีการทรุดตัวประมาณ 20 เซนติเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงเตาปูน – หอสมุดแห่งชาติ ต่อมาเวลาประมาณ 05.30 น. เริ่มมีน้ำเอ่อท่วมถนนที่มีการทรุดตัวเนื่องจากมีท่อประปาแตก จึงได้แจ้งการประปานครหลวงให้ทราบ เพื่อเข้าแก้ไขสถานการณ์ กระทั่งเวลา 07.00 น. พื้นถนนสามเสนเริ่มทรุดตัวตกลงเป็นโพรง และขยายวงกว้างเรื่อยๆ เสาไฟฟ้าถูกดึงลงด้านล่างของถนน ไฟฟ้าเริ่มดับ และเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ จนต้องปิดการจราจรตั้งแต่แยกวชิระถึงแยกซังฮี้ ผิวจราจรทรุดตัวลึกกว่า 0.50 เมตร เป็นวงกว้าง รถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ และในเวลาต่อมาผิวจราจรได้ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดหลุมยุบขนาดประมาณ 30 x 30 เมตร ความลึก 20 เมตร หลุมยุบนี้อยู่ติดกับด้านทิศเหนือของโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้าวชิรพยาบาล
ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าวชิรพยาบาล และอุโมงค์ทางวิ่ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอก 6.30 เมตร เป็นอุโมงค์แบบซ้อนกัน บน-ล่าง (Stacked Tunnels) ซึ่งโครงสร้างงานโยธาหลักทั้งหมดแล้วเสร็จมากว่า 3 เดือนแล้ว คงเหลือเพียงงานด้านสถาปัตยกรรม การติดตั้งงานระบบไฟฟ้าเครื่องกล และคืนพื้นผิวจราจรเท่านั้น แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์พบว่า ดินและน้ำจากท่อประปาและท่อระบายน้ำปริมาณมากได้ไหลเข้าไปสะสมอยู่ในโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้าวชิรพยาบาล เป็นระยะยาว 50 เมตร รวมถึงอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้า
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นสัญนิษฐานว่า อาจเกิดจากมีน้ำประปารั่วในชั้นดิน ร่วมกับเหตุจากฝนตกหนักต่อเนื่องทุกวัน ทำให้ชั้นดินแข็งระหว่างอุโมงค์ทางวิ่งทั้ง 2 ชั้น เสียเสถียรภาพ และเกิดการทรุดตัวของดินรอบสถานีอย่างรวดเร็วและมากผิดปกติ จนส่งผลให้ท่อน้ำประปาขนาดใหญ่ เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2 เมตร ฉีกขาด มีน้ำรั่วออกมาและมีแรงดันสูงมาก ทำให้ดินข้างเคียงเสียเสถียรสภาพไหลลงเข้าในสถานีรถไฟฟ้า ผ่านช่องว่างระหว่างขอบอุโมงค์กับโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้า และด้วยแรงดันมหาศาลทำให้ช่องว่างนี้ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ดินและน้ำจำนวนมากที่ไหลเข้าไปในสถานีและอุโมงค์ทำให้พื้นผิวถนนข้างสถานีทรุดตัวเป็นวงกว้างเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ดังกล่าว
“รฟม. ขอให้ความมั่นใจแก่ประชาชนว่า ทุกๆ การดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ของ รฟม. ได้ดำเนินการภายใต้มาตรฐานการก่อสร้าง มีการออกแบบ ควบคุมการก่อสร้าง และความปลอดภัยตามหลักวิศวกรรมทุกขั้นตอน โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม. และผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจะร่วมกันตรวจเพื่อหาต้นตอต้นเหตุที่แท้จริง เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”นายกาจผจญ กล่าว
นายกาจผจญ กล่าวอีกว่า การดำเนินการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าวชิรพยาบาล และอุโมงค์ทางวิ่งใช้ช่วงการก่อสร้างทางรฟม. มีการติดตั้งอุปกรณ์ทางวิศวกรรมตรวจวัดการเคลื่อนที่ของดินทั้งในแนวดิ่ง แนวราบตามมาตรฐานวิศวกรรมอยู่แล้ว แต่เมื่องานโครงสร้างงานโยธาหลักแล้วเสร็จก็ไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัด แต่หลังจากนี้จะพิจารณาเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดการเคลื่อนที่ของดินในโครงการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในความรับผิดชอบของรฟม. ทุกโครงการ
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นทางกระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยจะมีตัวแทนจากทางกระทรวงคมนาคม รฟม. ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้เชียวชาญจากสภาวิศวกร, วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) สถาบันการศึกษา ก็จะมาร่วมกันในการตรวจ เพื่อหาต้นต่อหรือต้นเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะกำหนดมาตรการมีหลักการคำนวณเพิ่มเติมอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกก็จะเร่งให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว
อย่างไรก็ตามจากเหตุถนนทรุดตัวดังกล่าวแม้จะกระทบต่อการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ในสัญญา 1 แต่ก็มั่นใจว่าจะไม่ทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้าง เพราะการก่อสร้างในสัญญานี้มีความคืบหน้าแล้วกว่า 76% เร็วกว่าแผนงาน 10% ส่วนในภาพรวมทั้งโครงการมีความคืบหน้า 60% มั่นใจว่างานก่อสร้างโยธาจะแล้วเสร็จตามกำหนดในเดือนตุลาคม 2570 พร้อมเปิดให้บริการในปี 2571 ส่วนมูลค่าความเสียหายต้องรอประเมินอย่างละเอียดก่อน ซึ่งทางผู้รับเหมามีประกันการก่อสร้างอยู่แล้ว