กกพ.คาดเดินหน้าลงนามรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 เร็วๆนี้ ยันโครงการถูกต้องตามกฎหมาย

Loading


กกพ. เผย ผลตรวจสอบโครงการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 จำนวน 2,180 เมกะวัตต์ ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามมติ กพช. คาดเดินหน้าลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า กับผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการ 72 รายได้โดยเร็ว ชี้เหลือแค่ขั้นตอนรอทาง กฟผ.และ สนพ.คำนวนราคารับซื้อไฟฟ้าอีกครั้ง


นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 หรือ “โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2565 – 2573” จำนวน 2,180 เมกะวัตต์ โดยระบุว่า ล่าสุด คณะกรรมการที่ตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 จำนวน 2,180 เมกะวัตต์ ได้เข้าตรวจสอบแล้วและพบว่าไม่มีความผิด ซึ่ง กกพ. ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องตามมติ กพช. ที่ผ่านมา


อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ทางนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ขอให้ตรวจสอบราคารับซื้อไฟฟ้าของพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ เนื่องจากเดิมใช้ราคาอ้างอิงของโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนผิวน้ำ หรือ โซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แต่โครงการที่ให้ยื่นข้อเสนอเข้ามาในเฟส 2 เป็นประเภทโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) ซึ่งเป็นคนละประเภทกัน สมมติฐานจึงไม่เหมือนกัน


ดังนั้น ขณะนี้ยังต้องรอให้ ทาง กฟผ. และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คำนวณราคารับซื้อไฟฟ้าใหม่ โดยหากพบว่า ราคาสูงกว่าที่กำหนดรับซื้อเดิม จะต้องแจ้งเรื่องไปยัง กพช. ก่อน แต่หากราคาไม่สูงไปกว่าเดิมก็สามารถเข้าสู่กระบวนการเจรจากับผู้ที่ผ่านเข้าร่วมโครงการในกลุ่ม 72 รายได้ ตามที่ กกพ. ประกาศไว้


อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถดำเนินการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ในโควตา 2,180 เมกะวัตต์ ได้โดยเร็ว เพราะขั้นตอนที่ดำเนินการมานั้นถือว่าถูกต้องตามกฎหมายและตามมติ กพช.


ทั้งนี้ การเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 มีจำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น รอบรับซื้อไฟฟ้า 2,180 เมกะวัตต์ สำหรับผู้ที่ผ่านคุณสมบัติการรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว แต่ไม่ผ่านเข้าร่วมโครงการในรอบแรก ซึ่งจะได้รับการพิจารณาก่อน (ในส่วนนี้กระทรวงพลังงานให้ชะลอไว้ก่อน เพื่อทำการตรวจสอบให้ถูกต้องตามกฎหมาย) ส่วนรอบรับซื้อไฟฟ้าที่เหลืออีก 1,488.5 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน ยังไม่มีการประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าในส่วนนี้


โดยเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้ออกประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบ กกพ. ว่าด้วย “การจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรูปแบบ Feed-in Tariff (FIT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) พ.ศ. 2567” โดยมีผู้ผ่านเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 72 ราย แบ่งเป็น

1.ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม 8 ราย รวมกำลังผลิต 565.40 เมกะวัตต์ และ 2. ผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน จำนวน 64 ราย รวม 1,580 เมกะวัตต์ หรือ ปริมาณรวมทั้งสิ้น 2,145.40 เมกะวัตต์


ขณะที่ราคารับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบโซลาร์ฟาร์ม ตาม มติ กพช. เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2565 กำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริงไว้ในอัตรา 2.1679 บาทต่อหน่วย เป็นเวลา 25 ปี


ที่ผ่านมา มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2568 ได้มีคำสั่งให้ชะลอการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 หรือ “โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด สำหรับปี 2565 – 2573” จำนวน 2,180 เมกะวัตต์ ตามที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เสนอ เพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทางกฎหมายก่อนว่า การเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว 2,180 เมกะวัตต์ ที่กำหนดให้ “เฉพาะกลุ่มผู้ที่ผ่านคุณสมบัติแต่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการไฟฟ้าสีเขียวในรอบแรก” จะได้รับการพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการเฟส 2 ก่อนนั้น จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่


ส่งผลต่อมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่กำหนดให้ “กลุ่มผู้ที่ผ่านคุณสมบัติแต่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการไฟฟ้าสีเขียวในรอบแรก” จะได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2 ที่มีจำนวน 72 ราย ต้องถูกชะลอลงนามซื้อขายไฟฟ้าไปก่อน