“รมว.คมนาคม” ลั่น 4 เดือน ประกาศมาตรการลดค่าครองชีพในการเดินทางให้ประชาชน เร่งหาข้อสรุปรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายไปต่อ หรือยุติแค่ 30 พ.ย.68 ส่งการบ้านนายกฯ 15 พ.ย.นี้ พร้อมหารือคลังซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเป้นที่เรียบร้อยแล้วนั้น และได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่องเร่งด่วน โดยในส่วนของกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางลดค่าครองชีพในการเดินทางของประชาชน เบื้องต้น ครม.มีมติคงไว้ซึ่งมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สำหรับสายสีแดงและสายสีม่วง เริ่มวันที่ 1 ต.ค.-30 พ.ย.68
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปจัดทำแผนว่าเมื่อสิ้นสุดมาตรการจะดำเนินการในระยะต่อไปอย่างไร ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงตั้งคณะกรรมการศึกษาร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาว่าหลังสิ้นสุดระยะเวลาแล้วจะยังคงใช้มาตรการดังกล่าวต่อไปอีกหรือไม่ หรือใช้อีกนานเท่าไหร่ หรือไม่แนวทางในการแก้ปัญหาอย่างไร รวมถึงแนวทางการลดค่าครองชีพประชาชนในระบบขนส่งสาธารณะก่อนสรุปนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายใน 15 พ.ย.68 นี้

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมจะนำแนวทางเรื่องตั๋วร่วมมาพิจารณา แต่คงจะไม่ใช้เฉพาะกับรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่พยายามพ่วงถึงรถเมล์ด้วย ส่วนแนวทางเรื่องการซื้อคืนสัมปทานเพื่อให้ประชาชนได้ใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ยังมีข้อทักท้วงว่า รัฐต้องไปชดเชยปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท ดังนั้น จะหารือกับกระทรวงการคลัง ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เพราะต้องพิจารณาเรื่องงบประมาณที่จะนำมาซื้อคืน และทำอย่างไรไม่ให่ไปกระทบถึงวงเงินรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายยกเลิกรถเมล์ร้อนทั้งหมด โดยขณะนี้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) มีแผนการจัดหารถเมล์พลังงานสะอาด(อีวี) จำนวนกว่า 1,520 คัน คาดว่าจะได้รับรถล็อคแรก ภายในวันที่ 30 ก.ย.69 และจะทยอยส่งมอบให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ทั้งนี้ ยังมีนโยบายให้ ขสมก.ไปพิจารณาจัดหารถเมล์อีวีเพื่อนำมาทดแทนรถเมล์แอร์ที่มีอยู่ 1,363 คัน ซึ่งบางคันใช้งานมานานแล้ว ก็ให้ทยอยเปลี่ยนเป็นรถอีวีทั้งหมด
ส่วนเรื่องค่าโดยสารเมื่อไม่มีรถร้อนแล้วนั้น จะควรเป็นเท่าไหร่เพื่อช่วยบรรเทาค่าครองชีพในการเดินทางนั้น คงต้องหารือในรายละเอียดอีกครั้ง เช่น สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป นักเรียน นักศึกษา หรือนักศึกษาที่จบใหม่มีรายได้ไม่มาก ที่ควรได้รับการดูแล หากทำได้จะช่วยลดความแออัดในกรุงเทพลงได้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อให้มีการจ้างงานเกิดขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นการใช้จ่าย เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อน ลงไปถึงภาคเกษตรกรทำให้วงจรเศรษฐกิจหมุนไป
ส่วนเรื่องโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 นั้น คงเสร็จไม่ทันปีใหม่ 69 แต่เน้นย้ำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนตามแผน และได้สั่งการให้กรมทางหลวง(ทล.) เร่งดำเนินการเปิดให้บริการได้ก่อน 2 ช่วง คือ ระยะที่ 1 ทางต่างระดับบางขุนเทียน–เอกชัย เป็นระยะทาง 8.3 กิโลเมตร ภายในเดือน ต.ค. 68 และ ระยะที่ 2 เอกชัย ไปถึงบ้านแพ้ว ระยะทางรวม 16.3 กิโลเมตร และในช่วงทศกาลสงกรานต์ ปี 69 ต้องเปิดให้บริการได้ตลอดเส้นทาง