ครม. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอ ร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (เอเซค) ครั้งที่ 3 ชี้เน้นย้ำบทบาท และท่าทีของประเทศไทยในการสนับสนุนการดำเนินการ เสริมสร้างความมั่นคง ด้านพลังงานและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 14 ต.ค. 2568 ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฯ ได้พิจารณา เรื่อง ร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (เอเซค) ครั้งที่ 3
โดย ครม.มีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ครั้งที่ 3 (ร่างแถลงการณ์ร่วมฯ) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ชัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ พน. นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
[จะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในห้วงการประชุม The 3rd Asia Zero Emission Community (เอเซค) Ministerial Meeting (การประชุมเอเซคครั้งที่ 3) ในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย]
สำหรับสาระสำคัญของเรื่อง ประกอบด้วย
1. กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น มีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเซค ครั้งที่ 3 (The 3rd Asia Zero Emission Community (เอเซค) Ministerial Meeting) ร่วมกับกระทรวงเศรษฐกิจแห่งมาเลเซีย ในวันที่ 17 กันยายน 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศพันธมิตรเอเซค (ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม) ในการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้แนวคิด “เป้าหมายเดียว หลากหลายแนวทาง” โดยคำนึงถึงบริบทและความพร้อมของแต่ละประเทศ ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
2. พน. แจ้งว่า การรับรองแถลงการณ์ร่วมฯ จะเป็นการเน้นย้ำบทบาท และท่าทีของประเทศไทยในการสนับสนุนการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ด้านพลังงานและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ยังมีความสอดคล้องกับแนวนโยบายด้านพลังงานและผลประโยชน์ของประเทศไทยและสามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ พน. ได้ประสานงานและขับเคลื่อนกิจกรรม/โครงการ ความร่วมมือภายใต้กรอบเอเซค โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นในการดำเนินโครงการความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด การพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่และเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
รวมถึงได้ส่งผู้แทนในระดับต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมสัมมนา รวมถึงเวทีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกับประเทศพันธมิตรเอเซค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดของประเทศไทยโดยสามารถนำมาปรับใช้ในการวิเคราะห์และกำหนดแนวนโยบาย/มาตรการภาครัฐที่เหมาะสมสำหรับภาคพลังงานของประเทศไทยในอนาคต