![]()
ส.กทอ. สนองนโยบาย Quick Big Win เคาะกรอบจัดสรรทุนสนับสนุนโครงการด้านอนุรักษ์พลังงานของปี 2569 วงเงิน 9,000 ล้านบาท เตรียมเสนอ กพช. อนุมัติช่วง ต.ค.-พ.ย. 2568 คาดเปิดรับข้อเสนอโครงการได้ปลายปี 2568 และเบิกจ่ายงบได้ประมาณเดือน ก.ค. 2569 ขณะที่ โครงการฯ ปี 2568 อยู่ระหว่างการกลั่นกรอง คาดสรุปผลพร้อมดำเนินโครงการได้ ม.ค. 2569

นายรัฐฉัตร ศิริพานิช ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของกองทุนอนุรักษ์ฯ ในปีงบประมาณ 2569 เตรียมวางแนวทาง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2569-2571 เตรียมการประกาศยุทธศาสตร์การจัดสรรเงินกองทุนฯ และประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการฯ ประจำปีงบประมาณ 2569 ทั้งนี้ เบื้องต้นได้วางกรอบงบประมาณไว้ที่ 9,000 ล้านบาท เพื่อรองรับนโยบาย Quick Big Win และรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตลอดจนเทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่ๆ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต้องผ่านที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณา
โดย ส.กทอ. เตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาประมาณเดือน ต.ค. – พ.ย. 2568 และคาดว่าจะสามารถเปิดรับข้อเสนอโครงการได้ปลายปี 2568 และเบิกจ่ายงบได้ช่วงเดือน ก.ค. 2569
“การจัดสรรงบประมาณกองทุนอนุรักษ์ฯที่ผ่านมา ค่อนข้างล่าช้า แต่ในปี2569 จะเร่งดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น และหากเป็นไปตามกรอบเวลาดังกล่าวจะถือว่าเป็นครั้งแรกที่สามารถดำเนินการได้ภายในปีงบประมาณ อีกทั้งงบโครงการฯ ปี 2569 จำนวน 9,000 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปี 2568 ที่ 2,750 ล้านบาท เนื่องจากต้องการช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน เพื่อให้เกิดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ”
โดยโครงการฯ ในปี 2569 จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกับโครงการฯ ปี 2568 ที่จะกำหนดการให้งบสนับสนุนโครงการลักษณะ “คนละครึ่ง” คือผู้ขอรับทุนจะต้องร่วมจ่าย (Co-pay) ในโครงการครึ่งหนึ่งของงบโครงการ เพื่อแก้ปัญหาการทิ้งโครงการในระยะยาว
ทั้งนี้ ส.กทอ. เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในภารกิจที่เกี่ยวกับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสนับสนุนการดำเนินการตามแผนอนุรักษ์พลังงาน และแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังทางเลือก ซึ่งรวมถึงนโยบายด้านพลังงาน โดยรัฐบาลปัจจุบันได้วางแนวทางQuick Big Win ด้านพลังงาน ซึ่งจะมีส่วนช่วยเร่งการเพิ่มรายได้และลดภาระรายจ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน หน่วยงานรัฐ และผู้ประกอบกิจการโรงงานเอกชน บทบาทของกองทุนอนุรักษ์พลังงานจึงเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม และเดินหน้าสู่การมุ่งเป้าหมาย Net Zero ได้ตามแผนในปี ค.ศ. 2050 ตามที่กระทรวงพลังงานได้ตั้งเป้าหมายไว้
นายรัฐฉัตร กล่าวว่า สำหรับคืบหน้าโครงการฯ ปี2568 ภายหลังจากปิดรับข้อเสนอโครงการเพื่อรับคำขอรับการสนับสนุนเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีผู้ยื่นข้อเสนอมารวม 1,070 โครงการ คิดเป็นวงเงิน 13,488 ล้านบาท สูงกว่างบที่วางไว้สำหรับปี 2568 ที่ 2,750 ล้านบาท และเพื่อเป็นการสนองนโยบายกระทรวงพลังงานในการสร้างรายได้ ลดรายจ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ในการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะให้ความสำคัญกับโครงการในพื้นที่ทุรกันดาร ประชาชนยังไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นหลัก ซึ่งในกลุ่มนี้มีข้อเสนอเข้ามาวงเงินรวมประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยกองทุนมีวงเงินที่สามารถสนับสนุนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนราชการจะเน้นจัดสรรโครงการลักษณะ “คนละครึ่ง” คือผู้ขอรับทุนจะต้องร่วมจ่าย (Co-pay) ในโครงการครึ่งหนึ่งของงบโครงการ โดยมีโครงการส่วนราชการยื่นข้อเสนอเข้ามาวงเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท วงเงินที่จัดสรรได้มีประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ให้ความสำคัญ เช่น การสนับสนุนระบบผลิตพลังงานโรงพยาบาล วิสาหกิจชุมชนด้านการเกษตร โรงงานและอาคาร รวมถึง งานวิจัยและการพัฒนาบุคลากรด้านพลังงาน
สรุปภาพรวมโครงการที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาจำนวนทั้งสิ้น 1,070 โครงการ รวมวงเงิน 13,488 ล้านบาท สามารถจำแนกเป็นโครงการด้านต่าง ๆ ได้ดังนี้ โครงการคนละครึ่ง ในส่วนราชการ จำนวน 290 โครงการ วงเงิน 2,444 ล้านบาท โครงการสนับสนุนประชาชนในพื้นที่ไม่มีไฟฟ้า จำนวน 129 โครงการ วงเงิน 2,203 ล้านบาท การสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงงาน/อาคาร ฯลฯ รวม 348 โครงการ วงเงิน 3,873 ล้านบาท โครงการวิจัย 130 โครงการ วงเงิน 1,481 ล้านบาท โครงการสาธิต 112 โครงการ วงเงิน 2,785 ล้านบาท โครงการการพัฒนาบุคลากร และโครงการประชาสัมพันธ์ อื่นๆ รวม 61 โครงการ วงเงิน 702 ล้านบาท
ปัจจุบัน สถานะโครงการที่ยื่นเข้ามาขอสนับสนุนเงินกองทุนอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา โดย ส.กทอ.จะกลั่นกรองข้อเสนอโครงการและรวบรวมข้อมูลข้อเสนอโครงการเพื่อนำเสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาให้ความเห็น หลังจากนั้นจะนำเสนอต่อคณะกรรมการกองทุนฯ ต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มแจ้งผลและดำเนินโครงการได้ประมาณต้นเดือนมกราคม 2569
สำหรับสถานะกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ปัจจุบัน มีวงเงินสะสม อยู่ที่ 16,000 ล้านบาท และในแต่ละปีจะมีเงินที่เรียกเก็บจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิด 5 สตางค์ต่อลิตร ส่งเข้ากองทุนฯ ประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาทต่อปี