“กกพ.” หนุน “Quick Big Win” ฟื้นเศรษฐกิจ คาดปี69 ค่าไฟถูกลง จังหวะดีคืนหนี้ “กฟผ.- ปตท.”

Loading

“รมว.พลังงาน” หารือ กกพ. เร่งรัดภารกิจด้านพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจตาม โครงการ “Quick Big Win” ขณะที่ กกพ.นำเสนอ 5 ประเด็นเร่งด่วนให้พิจารณา ดูแลค่าไฟสะท้อนต้นทุน คัดเลือกกรรมการสรรหาบอร์ดกกพ.แก้โครงสร้างพื้นฐานกิจการก๊าซฯไม่เพียงพอ วางแนวทางให้ภาคธุรกิจผลิตไฟใช้เอง พร้อมอนุมัติแผนการดำเนินงานและงบปี69 ชี้ ราคาก๊าซฯลดลงช่วยกดค่าไฟปี69 ถูกลง เชื่อเป็นจังหวะดีคืนหนี้ กฟผ.และ ปตท.

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะผู้บริหาร เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เพื่อหารือแนวทาง การทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพลังงานและ กกพ. เพื่อเร่งรัดภารกิจด้านพลังงานให้สอดคล้องกับทิศทางของรัฐบาล ตามโครงการ “Quick Big Win” ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงาน กกพ. ได้แก่

1. โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน มีเป้าหมายกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ มุ่งสร้างรายได้และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระดับชุมชน โดยสำนักงาน กกพ. รับผิดชอบในการจัดทำระเบียบ ประกาศหลักเกณฑ์ และวิธีการรับซื้อไฟฟ้า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามที่นโยบายกำหนด

2. มาตรการ Direct PPA สำหรับ Data Center กกพ. ได้นำเสนอ ร่างหลักเกณฑ์โครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) รวมถึง ร่างข้อกำหนดการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code: TPA Code) นำไปรับฟังความคิดเห็นจาก ผู้มีส่วนได้เสียผ่านช่องทางเว็บไซต์สำนักงาน เมื่อวันที่ 3 – 10 ตุลาคม 2568 แล้ว โดยจะเร่งสรุปร่างหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการ TPA เสนอต่อกระทรวงพลังงานเพื่อพิจารณา และนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ภายในพฤศจิกายน 2568

3. โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร ดำเนินการโดยขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ภายใต้การกำกับของ กกพ. มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ของเกษตรกร และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. พร้อมสนับสนุนและเร่งรัดการดำเนินงานตามโครงการ “Quick Big Win” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนภารกิจสำคัญและโครงการเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยมุ่งให้ภาคพลังงานเป็นกลไกหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและการลงทุน ดึงดูดการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างการจ้างงาน และความยั่งยืนให้กับระบบพลังงานของประเทศในระยะยาว

“การพัฒนาภาคพลังงานถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนของประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว กกพ. พร้อมหนุนเสริมทุกนโยบายและมาตรการของรัฐบาลภายในกรอบเวลาที่จำกัดเพียง 4 เดือน โดยมั่นใจว่าทุกภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กกพ. จะมีความชัดเจนก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน”

พร้อมกันนี้ สำนักงาน กกพ. ยังได้เสนอประเด็น เรื่องเร่งด่วน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพิจารณา ได้แก่

1. แนวทางการดูแลค่าไฟฟ้า มุ่งสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ควบคู่กับการ ดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าให้ได้รับค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม เป็นธรรม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

2. การคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาและกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อให้การบริหารงานของ กกพ. ดำเนินต่อเนื่อง โดยเสนอให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสรรหาและกรรมการชุดใหม่ จำนวน 4 คน ในกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม

3. โครงการสร้างพื้นฐานในกิจการก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอ (LNG tank and Loading Arm) ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติ เช่น ถังเก็บ LNG และระบบขนถ่าย (Loading Arm) ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ กกพ. จึงต้องพิจารณาแนวทางพัฒนาและกำกับโครงสร้างพื้นฐาน LNG  ให้เพียงพอและมั่นคง รองรับความต้องการพลังงานในอนาคต

4. แนวทางการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองในภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถลงทุนผลิตไฟฟ้า เพื่อใช้ภายในกิจการของตนเอง โดยมุ่งลดต้นทุนพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ทั้งนี้ การดำเนินงานอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และกรอบกำกับของสำนักงาน กกพ. เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่น

5. การอนุมัติแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณประจำปี 2569 ของสำนักงาน กกพ.

นอกจากนี้ กกพ. ได้รายงานสถานการณ์การผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย และราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าอยู่ในทิศทางที่ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในช่วงต้นปีหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญ หากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายควบคู่กับความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงยังอยู่ในแนวโน้มขาลง ก็จะส่งผลดีต่อแนวโน้มค่าไฟของประเทศในระยะยาว

อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยชำระคืน ภาระต้นทุนคงค้าง (AF) ที่ กฟผ. รับภาระค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชนในช่วงวิกฤตพลังงานซึ่งคงค้างอยู่ประมาณ 66,000 ล้านบาท และ ภาระค่า AF Gas ที่ค้างอยู่ระหว่าง ปตท. และ กฟผ. อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนเมษายน 2568) เพื่อให้สามารถดำเนินการชำระคืนได้หมดโดยเร็ว สร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับระบบพลังงานของประเทศในระยะยาว