“พิพัฒน์” เปิดออฟชั่นให้เอกชนสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ถึง จ.ตราด

Loading

พิพัฒน์” เปิดออฟชั่นให้เอกชนสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ถึง จ.ตราด เชื่อคุ้มค่า เร่งเจรจาให้จบใน 4 เดือน ยันไม่แก้ไขสัญญา หวั่นถูกฟัอง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา) อยู่ระหว่างเตรียมเจรจากับเอกชนผู้รับสัมปทาน (ซีพี) ของโครงการ เกี่ยวกับแนวคิดที่เป็นข้อเสนอใหม่ ด้วยการให้ก่อสร้างส่วนต่อขยายเส้นทางโครงการออกไปอีก 3 จังหวัด คือ จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี และสิ้นสุดที่จังหวัดตราด จากเดิมสิ้นสุดแค่สนามบินอู่ตะเภา

โดยแนวทางนี้ถือเป็นออฟชั่นเสริมที่ตนได้หารือในเบื้องต้นกับทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แล้ว และจะมีการประชุมอย่างเป็นทางการกับทาง EEC อีกครั้งในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้หรือต้นเดือนพฤศจิกายน 2568

อย่างไรก็ตามตนจะมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไปศึกษาความเป็นไปได้ถึงแนวคิดดังกล่าว ทั้งเรื่องแนวเส้นทาง ระยะทางค่าใช้จ่าย และปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ รวมถึงเรื่องอื่นๆว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าที่ผ่านมาเอกชนมองว่าการก่อสร้างในระยะต้นอาจไม่คุ้มค่า เพราะปริมาณผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการน้อย ดังนั้นหากสามารถก่อสร้างเพิ่มเติมเชื่อม จากสนามบินอู่ตะเภาไปถึงจังหวัดตราดได้ ซึ่งตลอดเส้นทางมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นทั้งเกาะและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าเที่ยวค่อนข้างมากอยู่แล้ ก็เชื่อว่าจะเป็นแรงจูงใจให้คนมาใช้บริการรถไฟความเร็วสูงมากขึ้น หากเป็นเช่นนี้จะทำให้โครงการมีความคุ้มค่าขึ้น และการเดินทางก็จะครบวงจรมากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้หากเอกชนรับข้อเสนอก็คงต้องเจรจากับว่าเอกชนจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่รัฐอย่างไร ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเอื้อเอกชนผู้รับสัมปทานแต่ออฟชั่นนี้ เป็นการจูงใจนักเดินทางให้เข้ามาใช้บริการสนามบินอู่ตะเภามากขึ้น

ต้อข้อถามว่า บอร์ด EEC เคยเห็นชอบหลักการแก้ไขสัญญาแล้วนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอหารือกับทางอัยการสูงสุดอีกครั้งเพราะหากอัยการสูงสุดเห็นอย่างไรก็ต้องเดินตามนั้นและยืนยันที่จะทำตามคำแนะนำของอัยการสูงสุดอย่างเคร่งครัด

“ส่วนการแก้ไขสัญญานั้น เวลานี้ยังไม่คิดที่จะแก้ไขสัญญา หากจะมีการแก้ไขได้ ต้องให้อัยการสูงสุดเห็นชอบมาก่อน แต่จากข้อมูลเดิมที่จะมีการแก้ไขไขสัญญาโดยรัฐต้องจ่ายเงินตามงวดงานแบบทำไปจ่ายไปคิดว่าไม่น่าจะแก้ไขได้เพราะถือเป็นการผิดสัญญา หากแก้ไขไปแล้วเกรงว่าเอกชนที่ประมูลได้รายที่ 2 อาจจะฟ้องร้องกระทรวงคมนาคมได้” นายพิพัฒน์ กล่าวและว่า ทั้งนี้ขอยืนยันว่าตนจะทำการหารือและเจรจาจบเรื่องนี้ให้ได้ภายใน 4 เดือนตามอายุของรัฐบาลชุดนี้