“พิพัฒน์” เร่งพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต ลงทุน MRO ดันไทยเป็น Aviation Hub

Loading

“พิพัฒน์” เดินหน้าวางไทยสู่ศูนย์กลางการบินอาเซียน Aviation Hub เร่งพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต ลงทุน MRO ขับเคลื่อน Skyconomy เชื่อมการบินกับเศรษฐกิจ สร้างรายได้–จ้างงาน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดวิสัยทัศน์ในงานสัมมนา “Skyconomy: Thailand’s Runways to Aviation Hub” ว่า การผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค (Aviation Hub) ไม่ใช่เพียงเรื่องของสนามบินหรือสายการบินเท่านั้น แต่คือ “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่” ที่จะสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ เกิดการจ้างงานในทุกภาคส่วน ตั้งแต่แรงงานภาคพื้น ผู้ผลิตอาหาร ไปจนถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ โดยมีกรรมการผู้จัดการบริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) และบริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด เข้าร่วม ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้โดยสารทางอากาศกว่า 140 ล้านคนต่อปี ฟื้นตัวแล้วกว่า 85% ของช่วงก่อนโควิด สะท้อนศักยภาพของไทยที่จะก้าวขึ้นเป็น “ประตูการบินแห่งอาเซียน” โดยกระทรวงคมนาคมได้กำหนดแนวทางพัฒนาอย่างครบวงจรใน 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน บริการ และความปลอดภัย

1. โครงสร้างพื้นฐาน – เพิ่มขีดความสามารถสนามบินทั่วประเทศ เร่งพัฒนาสนามบินหลัก เช่น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น พร้อมปรับภาพลักษณ์สนามบินทั่วประเทศให้ “สะอาด–สว่าง–สวยงาม” และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ รวมถึงการวางแผนให้จังหวัดศักยภาพอื่น ๆ เช่น กระบี่ พังงา และอีสานตอนบน เป็น “สนามบินรอง” เชื่อมการบินสู่ภูมิภาค ลดความแออัดของสนามบินกรุงเทพฯ

2. บริการ – เพิ่มความสะดวกทุกมิติ เชื่อมต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น มอบนโยบายให้ท่าอากาศยานทุกแห่งพัฒนาบริการให้สะดวก ปลอดภัย และไร้รอยต่อ ตั้งแต่ระบบจราจรทางอากาศไปจนถึงภาคพื้น พร้อมส่งเสริมเส้นทางบินใหม่เชื่อมเมืองท่องเที่ยวไทยกับทั่วโลก

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การบินต้องกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น โดยให้แต่ละจังหวัดใช้จุดแข็งของตนเอง เช่น การผลิตอาหารคุณภาพสูงขึ้นเครื่อง (In-flight catering) ผลิตโดยผู้ประกอบการท้องถิ่น สะท้อนแนวคิด “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ให้ผู้โดยสารทั่วโลกได้สัมผัสเอกลักษณ์ไทยตั้งแต่บนฟ้า ในด้านบริการภาคพื้น (Ground Handling) ได้มอบหมายให้ AOT เพิ่มผู้ประกอบการจาก 2 รายเป็น 3 ราย เพื่อเพิ่มทางเลือก ลดปัญหาความล่าช้า และดูแลแรงงานภาคพื้นไม่ให้ทำงานเกินศักยภาพ ซึ่งจะยกระดับคุณภาพบริการและลดความเหนื่อยล้าของพนักงานโดยตรง

3. ด้านความปลอดภัย – ไทยต้องรักษามาตรฐานโลก และเร่งพัฒนา MRO ประเทศไทยได้รับการรับรองมาตรฐานสูงสุดจาก ICAO และ FAA ซึ่งต้องรักษาไว้อย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ทำหน้าที่ทั้งกำกับ ดูแล และส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งนโยบายสำคัญคือการพัฒนาอู่ซ่อมเครื่องบิน (MRO) ภายในประเทศ เพราะหากไทยต้องการเป็น Aviation Hub จริงจัง จะต้องสามารถให้บริการซ่อมบำรุงได้เอง ไม่ต้องส่งเครื่องบินไปซ่อมต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้มหาศาลและเพิ่มโอกาสการจ้างงานคนไทยด้านเทคนิค

แนวทางทั้งหมดนี้คือการขับเคลื่อน 3Ps — ผู้โดยสาร (Passenger) เครื่องบิน (Plane) และสินค้า (Payloads) ให้เชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคได้แน่นอน”