![]()
“พิพัฒน์” หารือเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ย้ำความร่วมมือไทย–ฝรั่งเศสด้านคมนาคมขนส่ง มุ่งยกระดับมาตรฐานสู่สากล เดินหน้าพัฒนา 4 สาขาหลัก บก–ราง–น้ำ–อากาศ

วันนี้ (30 ตุลาคม 2568) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้การต้อนรับนายฌ็อง–โกลด ปวงเบิฟ (H.E. Mr. Jean-Claude Poimboeuf) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย พร้อมคณะผู้แทนระดับสูงจากกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังของฝรั่งเศส นำโดยนางมากาลี เซซานา (Mrs. Magali Cesana) อธิบดีกรมการค้าทวิภาคีและพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่นายพิพัฒน์เข้ารับตำแหน่ง และหารือแนวทางความร่วมมือด้านคมนาคมขนส่งระหว่างสองประเทศ โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งอย่างครบวงจร เพื่อสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้ประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) อาทิ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง–สุวรรณภูมิ–อู่ตะเภา) โครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) เชื่อมอ่าวไทย–ทะเลอันดามัน การขยายและพัฒนาท่าอากาศยาน รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค (Aviation Hub)
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมมีแนวคิดขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินจากอู่ตะเภาถึงจังหวัดตราด เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออก ครอบคลุมระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
นายชยธรรม์ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบรางทั้งในเมืองและภูมิภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและลดต้นทุนโลจิสติกส์ ปัจจุบันประเทศไทยมีโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ รวมกว่า 554 กิโลเมตร (14 สาย) เปิดให้บริการแล้วกว่าครึ่ง และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางทั่วเมือง ขณะที่โครงการรถไฟทางคู่ในภูมิภาคได้ก่อสร้างแล้วกว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยยกระดับระบบรางของไทยให้มีความทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล

ด้านนางมากาลี เซซานา กล่าวว่า ฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านคมนาคมกับไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา บริษัทฝรั่งเศสมีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ และพร้อมสานต่อความร่วมมือในอนาคต ฝรั่งเศสเห็นศักยภาพของไทยในสามด้านสำคัญ ได้แก่ รถไฟความเร็วสูง การขยายท่าอากาศยาน และการพัฒนาระบบรางอย่างยั่งยืน พร้อมเชิญกระทรวงคมนาคมของไทยเข้าร่วมงาน “TGV Day” ที่ประเทศฝรั่งเศสในปีหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายด้านคมนาคมอัจฉริยะระหว่างภาครัฐและเอกชน
ในโอกาสนี้ นายฌ็อง–โกลด ปวงเบิฟ ได้แสดงความยินดีในการเข้าพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นครั้งแรก พร้อมถวายความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยกล่าวว่าพระองค์ทรงมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความร่วมมือในอนาคต โดยฝรั่งเศสพร้อมสนับสนุนไทยในด้านเทคโนโลยี การออกแบบ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อยกระดับระบบคมนาคมของไทยสู่มาตรฐานระดับโลก
นายพิพัฒน์ กล่าวในตอนท้ายว่า การหารือในครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือด้านคมนาคมระหว่างไทยและฝรั่งเศส เพื่อพัฒนาระบบขนส่งที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน