![]()
AOT เริ่มกระบวนการเจรจา คิงเพาเวอร์ฯ หวังได้ข้อสรุปชงบอร์ด ทอท. อนุมัติ 26 พ.ย.นี้ ชี้ทอท.ต้องได้ผลประโยน์สูงสุด ภายใต้กรอบตามที่ปรึกษาของทอท. กำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จากกรณีที่ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ได้มีหนังสือถึง AOT เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร จำนวน 3 สัญญา 5 ท่าอากาศยาน ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ นั้น ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 16/2568 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาที่ประชุมได้มีมติให้ความเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหา การประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT ตามรายงานผลการศึกษาของที่ปรึกษาฯ โดยให้ฝ่ายบริหาร AOT ใช้ผลการศึกษาดังกล่าวเป็นกรอบแนวทางในการเจรจากับคิง เพาเวอร์
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT กล่าวว่า AOT จะดำเนินการเจรจากับคิง เพาเวอร์ฯ ตั้งต้นเดือนพฤศจิกายน 2568 เพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วแล้วเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 โดยการเจรจาจะอยู่ภายใต้เงื่อนไข ข้อเสนอของAOT และต้องเกิดประโยชน์สูงสุดกับ AOT
อย่างไรก็ตามหาก คิง เพาเวอร์ฯ มีการต่อรองข้อเสนอก็ต้องอยู่ในกรอบที่ AOT กำหนด ซึ่งตนเชื่อว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปที่ดี หากการเจรจาไม่ได้ข้อสรุปตามกรอบของ AOT ก็อาจจะนำไปสู่การยกเลิกสัญญา ซึ่งการยกเลิกสัญญาจะไม่เป็นผลดีต่อ AOT จะทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบ และทำให้เกิดความเสียหาย ต้องเริ่มในกระบวนการสรรหาผู้ประกอบการใหม่และจะทำให้ AOT สูญเสียรายได้จากตรงนี้ไปจนกว่าจะได้ผู้ประกอบรายใหม่
“แนวทางการเจรจานั้น AOT ได้ดำเนินตามแนวทางของที่ปรึกษา คือ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีถูกออกแบบให้เป็นธรรมกับคู่สัญญาและเกิดประสูงสุดกับ AOT และเป็นแนวทางที่มีความเสี่ยงน้อยที่จะนำไปสู่การยกเลิกสัญญา” นางสาวปวีณา กล่าว
อนึ่งกลุ่ม คิง เพาเวอร์ เป็นผู้ได้รับสิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ณ ท่าอากาศดอนเมือง เป็นระยะเวลา 10 ปี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 31 มีนาคม 2576 ซึ่งผู้ได้รับสิทธิประกอบกิจการฯ ได้เสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ปีแรก เป็นจำนวนเงินกว่า 1.5 พันล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี 1.54 หมื่นล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี 6 เดือน ระหว่างวันที่ 28 ก.ย. 2563 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2574 ในขณะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต ได้เสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี 2,331 ล้านบาท อายุสัญญา 10 ปี 6 เดือน ระหว่างวันที่ 28 ก.ย. 2563 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2574 ส่วนกิจกรรมเชิงพาณิชย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คิง เพาเวอร์ ได้เสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี 5,798 ล้านบาท