![]()
“รมว. อรรถพล” นำทีมพลังงาน ลงพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ติดตามแผนการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เครื่องที่ 4 ของ กฟผ. เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติใช้งบปรับปรุง 2,088 ล้านบาท ภายในปี 2568 คาดสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ ธ.ค. 2572 เสริมความมั่นคงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำ พร้อมสั่งการให้เฝ้าระวังสถานการณ์ปริมาณน้ำทุกเขื่อนอย่างใกล้ชิดบริหารจัดการไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน
เมื่อเร็วๆนี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่ดูงานเขื่อนสิริกิติ์ โดยมี นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คณะผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน ให้การต้อนรับ

สำหรับการลงพื้นที่เขื่อนสิริกิติ์ในวันนี้ ได้ติดตามแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิริกิติ์เครื่องที่ 4 ซึ่งกระทรวงพลังงานให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในปี 2593 ของไทย โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นโรงไฟฟ้าที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นพลังงานหมุนเวียนที่มีความเสถียรที่สุด เป็นพลังงานสะอาดและตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 7 นาทีอีกทั้งมีราคาต้นทุนต่ำที่สุด
ปัจจุบัน เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเขื่อนสิริกิติ์ เครื่องที่ 4 ใช้งานมานานกว่า 30 ปีและครบอายุการใช้งาน อุปกรณ์หลายส่วนเสื่อมสภาพ จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อรักษาความพร้อมและความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยต่ออายุโรงไฟฟ้าอีก 30 ปี เป็นการใช้ทรัพยากรเดิมให้เกิดประโยชน์และความคุ้มค่าสูงสุด ใช้งบประมาณในการปรับปรุง 2,088 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอขออนุมัติ ครม.ภายในปี 2568 นี้ โดยคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนธันวาคม 2572



ส่วนสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีเพิ่มมากขึ้นหลังจากไทยได้รับอิทธิพลจากพายุหลายลูกในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งมีปริมาณสูงเกือบเต็มความจุเขื่อน ซึ่งเขื่อนสิริกิติ์ในปัจจุบัน มีปริมาณน้ำมากถึง 97% ของความจุเขื่อน จึงได้สั่งการให้ กฟผ. เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์พายุที่อาจจะส่งผลกระทบกับไทยอีกในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ขอให้ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อน และบริหารจัดการน้ำไม่ให้ประชาชนใต้เขื่อนได้รับผลกระทบโดยด่วน
“เขื่อนสิริกิติ์เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กั้นแม่น้ำน่าน บริเวณ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์มีความจุอ่างเก็บน้ำประมาณ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนภูมิพล สร้างประโยชน์ด้านการเกษตรและอุปโภคบริโภค ช่วยบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำน่านและร่วมกับเขื่อนภูมิพลบรรเทาอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา การวางแผนปรับปรุงเพื่อรักษาความพร้อมและความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ เพราะไฟฟ้าที่ได้จากเขื่อนสิริกิติ์ นอกจากมีความเสถียร และเป็นพลังงานสะอาดแล้ว ยังมีต้นทุนที่ต่ำ จึงได้สั่งการให้ กฟผ. เร่งดำเนินการปรับปรุงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องที่4 ให้เป็นไปตามแผน ส่วนสถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งมีปริมาณสูงขึ้นมาก หลังจากไทยได้รับผลกระทบจากพายุหลายลูก จึงสั่งการให้ กฟผ. ติดตามสถานการณ์พายุที่อาจจะเข้ามาไทยอีกในช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบความแข็งแรงของเขื่อนทุกเขื่อนภายใต้การดูแลของ กฟผ. ขอให้บริหารจัดการน้ำไม่ให้ประชาชนใต้เขื่อนได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด”
