![]()
ปตท.สผ. คาดปริมาณการขายปิโตรเลียม ปี2569 โตขึ้นจากปี2568 เหตุรับรู้วอลุ่มเต็มปีจากโครงการ M&A ที่ดำเนินการในปี2568 ขณะที่ปี2568 คาดปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 5.10-5.15 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน มองราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 2568 อยู่ในกรอบ 65-75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านราคาก๊าซ LNG อยู่ที่ 5.8 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู

นายเสริมศักดิ์ สัจจะวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP (ปตท.สผ.) ระบุว่า แนวโน้มราคาน้ำมันดิบช่วงที่เหลือของปี 2568 ปตท.สผ. ประเมินว่า ด้านอุปสงค์ จะชะลอตัวลงตามสภาวะเศรษฐกิจและสิ้นสุดฤดูท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มตะวันตก ขณะที่การผลิตยังเพิ่มขึ้นจากกลุ่มโอเปกพลัส ทำให้ยังเกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย โดยคาดว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ 65-75 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล
ส่วนทิศทางราคา LNG Spot เฉลี่ยทั้งปีนี้ คาดว่า จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 11-17 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากภาวะอุปสงค์ที่มากกว่าอุปทาน ตามความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มขึ้นทั้งในเอเชียและยุโรป
ทั้งนี้ ปี 2568 บริษัทได้ปรับเป้าหมายปริมาณการขายเฉลี่ยทั้งปี อยู่ที่ 5.10-5.15 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงจากคาดการณ์เดิมในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ที่มองว่าจะแตะระดับ 5.12-5.17 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน แต่ยังเติบโตขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณการขายเฉลี่ย อยู่ที่ 489 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยประเมินว่า ราคาก๊าซธรรมชาติทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ระดับ 5.8 ดอลลาร์ต่อล้านBTU และมีต้นทุนต่อหน่วย(Unit Cost) เฉลี่ยอยู่ที่ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบรวมถึงอัตรากำไรที่ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายได้ (EBITDA Margin) คาดว่าจะรักษาระดับอยู่ในช่วง 70-75% ใกล้เคียงปีก่อน ซึ่งถือเป็นระดับที่บริษัทสามารถรักษาได้ตลอดมา

“แนวโน้มการดำเนินงานของบริษัทในปี 2569 คาดว่า ปริมาณการขายปิโตรเลียมยังเติบโตตามสัดส่วนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากแผนทำดีล M&Aในปีนี้ ที่จะรับรู้ปริมาณการขายเต็มปีในปีหน้า ส่วนแผนงานของปี2569 นั้น บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนแผนการลงทุน คาดว่าจะประกาศให้นักลงทุนรับทราบได้ภายในเดือน ธ.ค.นี้”
สำหรับความคืบหน้า โครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CCS (Carbon Capture and Storage) แหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทย ล่าสุด ได้ประกาศตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ จะสามารถดักจับและอัดกลับคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุด 1 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มการอัดกลับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปี 2571 ภายใต้งบลงทุน 320 ล้านดอลลาร์ฯ โดยการดำเนินงานดังกล่าว จะไม่กระทบต่อการผลิตก๊าซธรรมชาติของแหล่งอาทิตย์ โครงการ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ ยังเป็นการนำร่องและเป็นต้นแบบที่สำคัญในการพัฒนาโครงการ CCS ในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทยในอนาคต รวมถึงธุรกิจ CCS ในบริเวณอ่าวไทยตอนบน (Eastern Thailand CCS Hub) อีกด้วย

นายเสริมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ด้านนโยบายจ่ายปันผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลังปี2568 นั้น บริษัทยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ แต่จากการจ่ายปันผลในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนจะเห็นว่า บริษัทมีการพิจารณาจ่ายปันผลที่ระดับ 50%ของกำไรสุทธิ ดังนั้น การพิจารณาจ่ายปันผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลังปี2568 ยังต้องพิจารณาจากสภาพคล่อง ดูรายรับ รายจ่าย และคง Dividend Yield ตามคาดการณ์ของตลาดได้