EGCO ทุ่มงบ 3 หมื่นลบ. ลุยลงทุนปี 2569 สร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ “POWER4” 

Loading

ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์, ภัยพิบัติต่างๆ ,ความผันผวนทางการค้าและการลงทุนของโลก ยังคงเป็นปัจจัยความท้าทายทางธุรกิจที่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ให้ความสำคัญในปี2569 รวมถึงการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่จะต้องสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น EGCO พร้อมที่จะแสวงหาโอกาสขยายฐานการลงทุนใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา ที่มีการลงทุนอยู่แล้ว เพื่อเพิ่มการเติบโตในอนาคตต่อไป

นายธวัชชัย สำราญวานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group ระบุว่า ในปี 2569 EGCO Group ได้เตรียมงบลงทุนไว้ 30,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติคุณภาพสูงและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield โดยต่อยอดและเน้นการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจและพันธมิตรอยู่แล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในฐานธุรกิจที่สำคัญของ EGCO Group ที่ได้เข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และในอินโดนีเซีย โดยขยายการลงทุนผ่าน CDI Group โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา M&A โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ 2 ดีล คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2 ปี2569 และยังมองโอกาสขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซฯในตะวันออกกลาง

“ภายใต้งบลงทุน 30,000 ล้านบาทในปี 2569 จะใช้สำหรับขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ราว 80% และใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 20% คาดว่าจะมีการทยอยปิดดีลในทุกไตรมาส ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2569 ยังคาดหวังว่า จะเติบโตขึ้นจากปี 2568 โดยในส่วนของกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะยังอยู่ในระดับมากกว่า 10,000 ล้านบาท จากการขยายการลงทุน การทำ M&A และบางส่วนจะถูกชดเชยจากการทำ Asset Recycling ที่ขณะนี้มีเป้าหมายจะขายโรงไฟฟ้าในประเทศ 2 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ที่สนใจยื่นข้อเสนออยู่ โดยเป็นมูลค่าหลักพันล้านบาท คาดจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 1-2 ปี2569

นอกจากนี้ ในปี 2569 EGCO ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต ทั้งจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการในต่างประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุนก่อนหน้านี้ อาทิ ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ การลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll กำลังผลิตรวม 251 เมกะวัตต์ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้า Linden Cogen เป็น 38% รวมทั้งคาดว่าโรงไฟฟ้าที่บริษัทถือหุ้นในสหรัฐอเมริกา จะได้รับประโยชน์จากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นจากความต้องการที่มากขึ้นของธุรกิจ Data Center และ AI ในขณะที่ราคาซื้อขายไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี นอกจากนี้ ในฟิลิปปินส์ EGCO Group จะรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้า Quezon ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ 400 เมกะวัตต์ รวมถึงการลงทุนในประเทศ จากโครงการ RE Biglot รอบที่ 2 จำนวน 11 โครงการ กำลังผลิต 448 เมกะวัตต์ ที่จะมีความชัดเจนในการลงทุนพัฒนาในปี 2569 และทยอยรับรู้รายได้หลังการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD)

ขณะเดียวกัน บริษัท ยังมีแผนขยายการลงทุนในธุรกิจ Data Center รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีพื้นที่ภายในนิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดระยอง เนื้อที่ 600 ไร่ ซึ่งได้รับการติดต่อจากผู้ที่สนใจลงทุน กว่า 100 เมกะวัตต์ แต่ยังอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบการลงทุน ซึ่งมีหลายรูปแบบ ทั้งโมเดลการซื้อขายไฟฟ้า และการพัฒนาโรงไฟฟ้า เพื่อป้อนไฟฟ้าให้กับธุรกิจ Data Center

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ EGCO พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างความเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ด้วยกลยุทธ์ “POWER4” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความสมดุลระหว่างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง การขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการบรรลุเป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ

สำหรับกลยุทธ์ “POWER4”  ประกอบด้วยภารกิจ 4 ด้าน ดังนี้

• Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพทางการเงิน เพื่อดูแลอัตราส่วนหนี้สินและรักษาอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ถือหุ้นด้วยนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ

• Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า และต่อยอดการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง EGCO Group มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีบทบาทสำคัญในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อสนับสนุนการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนในระยะยาว ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบการควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions – M&A) และการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ (Greenfield) ตลอดจนต่อยอดและแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจเชื้อเพลิงและสาธารณูปโภค เช่น ซัพพลายเชนไฮโดรเจน Solar Private PPA และการให้บริการไฟฟ้าและพลังงานแก่ธุรกิจ Data Center เป็นต้น โดยยังคงขยายการลงทุนทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศอีก 6 ประเทศ ที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว

• Portfolio Optimization บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นการสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการทำงาน ลดต้นทุน ผนึกพลังร่วมเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจและบริษัทในกลุ่มเอ็กโก (Strategic Synergy) รวมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่ รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตการลงทุนในตลาดพลังงานสหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

• Proactive Organization Excellence สร้างองค์กรแห่งความเป็นเลิศเชิงรุก โดยมุ่งเน้นปรับโครงสร้างองค์กร และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทั้งด้านความรู้และทักษะ นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาบูรณาการในการขับเคลื่อนองค์กร พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานในทุกมิติ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาบูรณาการในกระบวนการทำงาน ปัจจุบันโรงไฟฟ้าในกลุ่มเอ็กโกได้ติดตามและประเมินศักยภาพของการประยุกต์ใช้ AI ให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละโรงไฟฟ้า เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน (ณ 17 ธ.ค. 2568) EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,836 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,538 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 22% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่