กฟผ. ร่วมแชร์วิสัยทัศน์เวที ANBP ชี้ SMR พลังงานแห่งอนาคต หนุนเป้าหมาย Net Zero

Loading

บริษัทด้านพลังงานภูมิภาคอาเซียน ในเวที ANBP ชี้ SMR คือพลังงานแห่งอนาคต ตอบโจทย์ทั้งความมั่นคงและพลังงานสะอาด ด้าน กฟผ. ร่วมแชร์วิสัยทัศน์ พร้อมเดินหน้า SMR ในประเทศไทย เตรียมพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน SMR ภายใต้กรอบมาตรฐาน IAEA หนุนเป้าหมาย Net Zero และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลก

นายศิริวัฒน์ เจ็ดสี รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้าร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติ Asia Nuclear Business Platform หรือ ANBP ครั้งที่ 10 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 9 – 11 ธันวาคม 2568 โดยร่วมบรรยายในหัวข้อ “Thailand’s Preparations for Nuclear Power”

สำหรับงานประชุมวิชาการนานาชาติ ANBP จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ในภูมิภาคอาเซียน และการดำเนินงานสำหรับโครงการพลังงานนิวเคลียร์ในอนาคต โดยผู้แทนบริษัทด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียนต่างมองว่า พลังงานนิวเคลียร์จะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เพราะเป็นพลังงานสะอาดที่มั่นคง เชื่อถือได้ เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง และไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2050 ไทยจึงตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจาก SMR รวม 600 เมกะวัตต์ และอินโดนีเซียตั้งเป้า 500 เมกะวัตต์ ส่วนเวียดนามตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากทั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่และ SMR มากถึง 12,000 เมกะวัตต์ ขณะที่ฟิลิปปินส์ ตั้งเป้า 4,800 เมกะวัตต์

นายศิริวัฒน์ เจ็ดสี รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. เผยว่า ประเทศไทยมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR โดยคาดว่าจะถูกบรรจุไว้ในร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP 2024) จำนวน 600 เมกะวัตต์ เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก โดย กฟผ. ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูแลระบบไฟฟ้าของประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมสำหรับโรงไฟฟ้า SMR ในทุกมิติอย่างต่อเนื่องภายใต้กรอบมาตรฐานของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ที่ครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ 19 ประการ ทั้งการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนโครงการ การประสานงานกับหน่วยงานที่กำกับนโยบายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การสร้างความเข้าใจและการยอมรับในสังคม การศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นของโครงการ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร

ตลอดจนการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ เพื่อยืนยันว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการนำสามารถดำเนินโครงการโรงไฟฟ้า SMR ได้ โดยยึดหลักการ “3S” ของ IAEA ได้แก่ ความปลอดภัย (Safety) ความมั่นคงปลอดภัย (Security) และการพิทักษ์ความปลอดภัย (Safeguards) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์จะเป็นไปอย่างโปร่งใสและปลอดภัยในทุกขั้นตอน