![]()
บีซีพีจี เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรก่อนรายการพิเศษที่ 711.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 626.0 ล้านบาท จากการเติบโตของผลการดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซฯในสหรัฐฯ
นายรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรก่อนรายการพิเศษ 711.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 57.4 และมีกำไรสุทธิ 626.0 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตโดดเด่น มาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากขึ้นตามฤดูกาล และได้รับอานิสงส์จากฤดูฝนที่ยาวนานกว่าปกติ รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับค่าความพร้อมจ่าย (Capacity Revenue) ในอัตรา 270 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน เต็มไตรมาส และจะได้รับต่อเนื่องจนถึงเดือนพฤษภาคม 2569 ก่อนจะปรับเพิ่มเป็น 329 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ถัดไปอีกหนึ่งปี
“ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ถือเป็นจุดสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานปกติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจ และความสามารถในการบริหารจัดการโครงการพลังงานสะอาดในหลากหลายประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมขยายการลงทุนธุรกิจใหม่ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน”
นอกจากนี้ โครงการพลังงานลมมอนซูน ขนาด 600 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาว ซึ่งมีสัญญาขายไฟฟ้าไปยังประเทศเวียดนาม ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วในไตรมาสนี้ ซึ่งจะเริ่มสร้างรายได้และผลกำไรเพิ่มเติมในปีนี้เป็นต้นไป แม้จะมีส่วนแบ่งขาดทุนในช่วงเริ่มต้นจากการเปิดดำเนินงานไม่เต็มไตรมาสและอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลก็ตาม ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 99 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ เพื่อเสริมพอร์ตการลงทุนในภูมิภาคและต่อยอดสู่การเติบโตระยะยาว
ทั้งนี้ บีซีพีจี ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานสะอาด พร้อมสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างโดดเด่นในไตรมาสนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญของเรา ในการตอกย้ำบทบาทผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดของภูมิภาค และเป็นแรงขับเคลื่อนสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต