ผู้ชมทั้งหมด 1,135
“บี.กริม เพาเวอร์” ตั้งงบลงทุนปี65 ราว 1 แสนล้านบาท เดินหน้าพัฒนาโครงการในมือ ลุ้นปิดดีลM&A เพิ่ม หลังซุ่มเจรจาอีกหลายโครงการทั้งไทยและต่างประเทศ มุ่งพลังงานสะอาด หวังมีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่ม 1,000 เมกะวัตต์ คาดรายได้โต 8-10% จากปีนี้ เล็งออกหุ้นกู้ปี 65 อีก17,000-20,000 ล้านบาท
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2564 โดยระบุว่า บริษัท ประมาณการณ์งบลงทุนในปี 2565 อยู่ที่ 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้สำหรับพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในปัจจุบัน รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ(M&A) ที่ปัจจุบันมีการเจรจาอยู่หลายโครงการทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งจะมีหลายหลากประเภทเชื้อเพลิงที่เป็นพลังงานสะอาด และน่าจะทยอยปิดดีลได้ต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายมีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 1,000 เมกะวัตต์
“เงินลงทุน 1 แสนล้านบาทนั้น จะมาจากเงินทุนของ บี.กริม ประมาณ 22,000-25,000 กระแสเงินสดของบริษัท และยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ในปีหน้า วงเงินประมาณ 17,000-20,000 ล้านบาท รวมถึงเงินกู้ยืมรายโครงการด้วย”
ส่วนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) หลังจากบริษัทได้รับใบอนุญาจจัดหาและนำเข้า(Shipper LNG) ซึ่งตามแผนจะเริ่มนำเข้าต้นปี 2566 และปัจจุบันได้มีข้อตกลงกับผู้ค้าLNG แล้ว ทำให้มั่นใจว่า ต้นทุนราคาก๊าซฯที่ได้น่าจะถูกว่าการซื้อก๊ซฯจาก ปตท. อีกทั้ง บริษัท ยังมีบริษัทร่วมทุนในธุรกิจก๊าซฯกับ ปตท.ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการลงทุนในอนาคตด้วย
สำหรับความคืบหน้าการลงทุนธุรกิจก๊าซฯในเวียดนาม ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนการจัดทำแผนพลังงานฉบับที่ 8 ของรัฐบาลเวียดนาม ที่เบื้องต้นได้ส่งสัญญาณจะลดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลง ซึ่งก็น่าจะเอื้อต่อการใช้ก๊าซฯมากขึ้น ดังนั้น บริษัท คาดหวังว่าจะได้รับอนุมัติการลงทุนอย่างน้อย 1 โครงการ หรือถ้าโชคดี ก็ได้รับการอนุมัติทั้ง 3 โครงการตามที่มีแผนศึกษาโอกาสการลงทุนไว้
นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริการการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัท จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า COD เพิ่มขึ้นเป็น 3,544 เมกะวัตต์ จากเดือนพฤศจิกายนนี้ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 2,894 เมกะวัตต์ และยังมีโอกาสได้โครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก 1,000 เมกะวัตต์ในปีหน้า โดยในปีหน้า จะมีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของ 5 โครงการ SPP ซึ่งจะช่วยลดการใช้ก๊าซฯลงได้ ประมาณ 15% เนื่องจากเป็นเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องจักร โดยมีความร่วมมือกับบริษัทซีเมนส์ ในสัญญาระยะยาวที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ประมาณ 15-20% และยังมีแผนควบคุมต้นทุนจ่ายใช้จ่ายลดลง 100 ล้านบาทในปีหน้า
รวมถึง การหาลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในนิคมฯและนอกนิคมฯ ในรูปแบบ Private PPA ไม่ต่ำกว่า 55 เมกะวัตต์ อีกทั้ง การปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) อีก 0.1671 บาทต่อหน่วยในปี 65 จะทำให้บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บี.กริม ยังคงเป้าหมายมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือแตะ 10,000 เมกะวัตต์ในปี 10 ปีข้างหน้า หรือในปี 2573 เพื่อให้มีรายได้ต่อปีกว่า 100,000 ล้านบาท