ผู้ชมทั้งหมด 919
BGRIM ทุ่ม 3 พันล้านบาทซื้อหุ้น reNIKOLA 45% ในมาเลเซีย เดินหน้าขยายพอร์ต “พลังงานทดแทน” มุ่งสู่ Net Zero
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 B.Grimm Power Malaysia Sdn. Bhd. (B.Grimm Malaysia) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 100% ได้เข้าทำสัญญาจองซื้อหุ้น เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ reNIKOLA Holdings Sdn (reNIKOLA) คิดเป็นสัดส่วน 45% ภายใต้มูลค่าการซื้อขายรวม 367 ล้านมาเลเซียริงกิต หรือ ประมาณ 3,000 ล้านบาท
B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อทำการแลกหุ้นระหว่างกันกับ Pimpinan Ehsan Berhad (PEB) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย โดยภายหลังการแลกหุ้นดังกล่าว B.Grimm Malaysia จะมีสัดส่วนการถือหุ้นใน PEB 40.6% และ PEB จะถือหุ้นใน reNIKOLA Holdings ในสัดส่วน 100% ทั้งนี้รายการดังกล่าวอยู่ระหว่างการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดย reNIKOLA เป็นกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานทดแทนที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว รวม 88 MW และอยู่ระหว่างการเจรจาทำสัญญาซื้อขายหุ้นอีก 90 MW ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงมีการลงนาม MOU กับองค์กรใหญ่หลายแห่งในประเทศมาเลเซียเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ที่ขนาด 375 MW ภายใต้ Third Party Contract (Corporate PPA) รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาโครงการอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหลายโครงการ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และธุรกิจสายส่ง
ทั้งนี้ผู้บริหารของ reNIKOLA ถือเป็นผู้ที่มีความชำนาญแนวหน้าในธุรกิจพลังงานทดแทนของประเทศมาเลเซีย ด้วยการพัฒนาและเปิดดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าโครงการแรก ภายใต้ระบบประมูล Large Scale Solar (LSS) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนโครงการแรกในประเทศมาเลเซียที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงพลังงาน, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายใต้เงื่อนไข Third Party Contract (Corporate PPA)
นอกจากนี้ B.Grimm Malaysia ยังได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 49% และหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 100% ของ Tamara East Sdn. Bhd. (ซึ่งเป็นบริษัทที่จะใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในอนาคต) ภายใต้มูลค่าการซื้อขาย 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย จากการลงนามสัญญาผ่านระบบ virtual ในวันนี้
“เรามีเป้าหมายร่วมกันในการมุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานสะอาด ที่มีเสถียรภาพและเข้าถึงได้ การลงทุนในครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจพลังงานทดแทนไปด้วยกัน โดยในประเทศมาเลเซียยังมีโอกาสอีกมากมาย และเป็นที่น่ายินดีที่เราจะร่วมมือกันทำให้โอกาสเหล่านี้เกิดขึ้นจริง”นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตามการลงทุนในครั้งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้ บี.กริม เพาเวอร์ ไปสู่การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศมาเลเซีย ที่ประกาศเป้าหมายที่จะบรรลุ “Net Zero” ภายในปี 2593 เช่นกัน โดยตั้งเป้าที่จะลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 45% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ภายในปี 2573 ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เปิดดำเนินการแล้ว จำนวน 737 เมกะวัตต์
Tengku Zaiton ประธาน กลุ่ม reNIKOLA กล่าวว่า “การร่วมมือกับ บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานระดับสากล ที่จะมาเป็นผู้ร่วมลงทุนที่สำคัญของ reNIKOLA ทำให้แนวทางการดำเนินงานด้านพลังงานทดแทนของบริษัทมีความชัดเจนมากขึ้น เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่กำลังจะมีเข้ามาเมื่อ 2 บริษัทใหญ่ผนึกความแข็งแกร่งร่วมกัน เราจะได้รับความเชี่ยวชาญและความรู้ทางเทคนิคจาก บี.กริม โดยเงินร่วมทุนจำนวน 367 ล้านมาเลเซียริงกิตนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินในการคว้าโอกาสในธุรกิจพลังงานทดแทนที่มีเข้ามาในอนาคต”
Jonathan Law Ngee Song ประธาน PEB กล่าวว่า “เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจน ในการเปลี่ยนผ่าน PEB สู่การเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาค เราต้องการสร้างพอร์ตพลังงานทดแทนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย ซึ่ง บี.กริม เพาเวอร์ ในฐานะผู้ถือหุ้นที่สำคัญ (หลังจากการดำเนินการตามสัญญาแล้วเสร็จ) ทำให้เรามั่นใจว่าเราจะไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ ด้วยการสนับสนุนจากทาง บี.กริม เพาเวอร์ PEB จะเป็นกุญแจสำคัญในการไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมไปถึงเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จากการที่ทาง บี.กริม เพาเวอร์ มีชื่อเสียงและผลงานด้านนี้ที่ดีมาโดยตลอด และท้ายที่สุด เวลานี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะยกระดับการเติบโตด้านธุรกิจพลังงานทดแทนของเรา”