BGRIM ลุยลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์-ลม ยุโรปตะวันออก

ผู้ชมทั้งหมด 853 

BGRIM ลุยลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์-ลม ยุโรปตะวันออก ชี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ปักหมุดที่แรกพลังงานลมในโปแลนด์ 14 เมกะวัตต์ พร้อมมองโอกาสลงทุนในซาอุฯ ยูเออี เล็งผนึกเซ็นทรัลลุยโซลาร์รูฟท็อป  

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บี.กริม เพาเวอร์ มองโอกาสในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในยุโรปตะวันออก เนื่องจากมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และหลายประเทศในยุโรปตะวันออก เริ่มให้การสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

อย่างไรเมื่อเดือนตุลาคม 2564 บี.กริม เพาเวอร์ ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ ให้เข้าทําสัญญาซื้อขายหุ้นกับ visaVento Holding AG (ในฐานะผู้ขาย) เพื่อเข้าซื้อหุ้นจํานวน 90 หุ้น หรือคิดเป็น 90% ใน Visa Max Solar Sp.z. (บริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศโปแลนด์ ถือหุ้นทั้งหมด 100% โดย visaVento Holding AG) คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 45,000 ซวอตือโปแลนด์ (PLN) หรือประมาณ 383,000 บาท เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ZEL1 กําลังการผลิต 14.1 เมกะวัตต์ ในประเทศโปแลนด์

ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ZEL1 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2565 คาดว่าใช้เงินลงทุนราว 20 ล้านยูโร และน่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2566 ซึ่งโครงการนี้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอยู่ที่ 60 ยูโรต่อเมกะวัตต์ ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนอีกจำนวน 2 โครงการในโปแลนด์ กำลังการผลิตรวม 70 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอใบอนุญาตจากทางภาครัฐ

นอกจากนี้แล้วยังมองโอกาสเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) และพลังงานลม ในประเทศยุโรปตะวันออก เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น สาธารณรัฐเช็ก, โครเอเชีย, โดยจะเน้นการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ที่มีใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า พร้อมกันนี้ บี.กริม เพาเวอร์ยังมองโอกาสเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในตะวันออกกลาง ซึ่งในขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิตราว 100 เมกะวัตต์ ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และโซลาร์รูฟท็อป ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ในประเทศซาอุดิอาระเบีย

ขณะที่การลงทุนในประเทศไทยนั้นก็พร้อมลงทุนตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2022) ซึ่งได้กำหนดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นไปที่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม พร้อมกันนี้ยังสนใจลงทุนในโครงการโซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะมีการลงทุนในเขื่อน ทั้งนี้ก็ต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐก่อน

นอกจากนี้แล้วบี.กริม เพาเวอร์ ยังมีแผนขยายขยายตลาดธุรกิจผลิตไฟฟ้าไปยังกลุ่มซื้อขายไฟฟ้าให้เอกชนโดยตรง รวมทั้งการบริหารจัดการไฟฟ้า (Independent Power Supply: IPS) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับเซ็นทรัล ในการลงทุนโซลาร์รูฟท็อป ผสมผสานกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ หรือ hybrid power plant พร้อมทั้งระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) คาดว่าในปี 2565 จะมีความชัดเจน