![]()
การประกาศ “Quick Big Win ด้านพลังงาน” หรือ นโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่มุ่งลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชนและภาคธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่างรวดเร็วภายใน 4 เดือน ผ่าน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ โครงการโซลาร์สำหรับประชาชน เช่น โซลาร์ฟาร์มชุมชน โซลาร์สูบน้ำ และโซลาร์รูฟท็อป, โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับอุตสาหกรรม และโครงการขับเคลื่อนนโยบายสิ่งแวดล้อมนั้น

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ของไทย มองว่า “Quick Big Win ด้านพลังงาน” ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อทิศทางพลังงานหมุนเวียนของประเทศ รวมถึงโอกาสที่ดีของบริษัทที่จะต่อยอดความเชี่ยวชาญพลังงานสะอาดที่มีอยู่เดิม และร่วมขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ไปกับประเทศได้ โดยมองว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีความสำคัญทางด้านเชิงนโยบาย ตลาดใหม่ๆ และการเสริมความพร้อมขององค์กร ใน 3 มิติ ดังนี้
มิติที่ 1 ด้านนโยบายและทิศทางของรัฐ เป็นการผลักดันพลังงานหมุนเวียนให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น มีการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในโครงการใหม่ๆ โดยเฉพาะโซลาร์ฯ ทั้งในชุมชน และภาคเกษตรกร
มิติที่ 2 ด้านโอกาสและทิศทางที่รัฐให้ความสำคัญ โดยหากพิจารณาจากกรอบนโยบายเบื้องต้น จะเห็นว่ามี 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1. โซลาร์ชุมชน ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนเข้าถึงไฟฟ้าและประหยัดไฟฟ้าได้ โดยกอรบลงทุนโซลาร์ฟาร์มไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ภายใต้กรอบใหญ่ 1,500 เมกะวัตต์
2.โซลาร์ฯลอยน้ำ ซึ่งจะสร้างที่เขื่อนซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ ลดการระเหยของน้ำ โดยที่บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรเพื่อดูแลงานก่อสร้าง ภายใต้บทบาทของบริษัท ที่จะเป็นผู้บริหารจัดการโครงการ
3. Direct PPA หรือ โครงการซื้อขายไฟฟ้าได้โดยตรง ก็เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสามารถขายไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ได้โดยตรง ซึ่งทางรัฐบาลก็มีเป้าหมายที่จะเริ่มนำร่องกับธุรกิจ Data Center ก่อน โดยทั้ง 3 แนวทางนี้ถือเป็นกลไกขยายสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ
มิติที่ 3 ด้านการเตรียมพร้อมของ BGRIM ซึ่งได้เตรียมพร้อมไว้แล้วในหลายมิติ ทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการร่วมกับพันธมิตร สำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม วางโครงสร้างทางเทคนิคและทางการเงิน เพื่อให้พร้อมยื่นเสนอโครงการได้ทันที เมื่อภาครัฐมีความชัดเจนในการประกาศโครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าสร้างพันธมิตรเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งหมดนี้จะทำให้ BGRIM อยู่ในจุดที่พร้อมสำหรับร่วมขับเคลื่อนนนโยบายของภาครัฐ ผ่าน “Quick Big Win ด้านพลังงาน”

นอกจากนี้ ในส่วนของ Direct PPA ทาง BGRIM ได้เตรียมความพร้อมผ่าน 3 เสาหลัก คือ 1.Data center เป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ขณะเดียวกันทางบีโอไอมีแนวโน้มออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการลงทุน เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาจัดตั้ง Data center ในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านที่ดินไว้รองรับ
2. Energy Platform-as-a-Service เป็นแพลตฟอร์มด้านพลังงานรูปแบบใหม่ เป็นศูนย์กลางบริหารจัดการพลังงาน รองรับตลาดพลังงานยุคใหม่ ซึ่งบริษัทมีการเตรียมความพร้อมในหลายด้าน อาทิ สมาร์ทกริด และเทคโนโลยี AI เป็นต้น เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นระบบไฟฟ้า ลดต้นทุนสู่การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน
3. Industrial Digital Services เป็นชุดบริการที่ นำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมศักยภาพการดำเนินงานของอุตสาหกรรมให้ฉลาย มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำ รวมถึงการจัดการของเสียต่างๆ โดยประสานเทคโนโลยีดิจิทัลและการวิเคราะห์ข้อมูลลงไปภายใต้นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อยกระดับนิคมฯไปสู่ที่มีความทันสมัยมากขึ้น

นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร งานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ระบุถึงทิศทางธุรกิจของ BGRIM ในปี 2569 โดยมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานยังเติบโตต่อเนื่อง ตามแผนเพิ่มกำลังการผลิตที่ คาดว่าจะรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์(COD) ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 รวมถึงจะรับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะทยอย COD เข้าเพิ่ม อาทิ 1.โครงการ อินทรี บี.กริม โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 80 เมกะวัตต์ 2. Zhongce Rubber โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์ 3. Nakwol 1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง ในเกาหลี ขนาดกำลังการผลิต 365 เมกะวัตต์ 4. Huong Hoa 1 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบนฝั่ง 48 เมกะวัตต์ และ 5. โครงการอื่นๆ รวมกำลังการผลิตสูงสุด 30 เมกะวัตต์ รวมๆแล้วอยู่ที่ประมาณ 500 เมกะวัตต์ ซึ่งยังไม่รวมโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการ(M&A) ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงครึ่งแรกปี 2569
ทั้งนี้ ปี 2569 ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์เศรษฐกิจจะขยายตัว 1.6% โดยได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการเร่งการผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯ ภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะทยอยฟื้นตัว ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มเติบโตในระดับปานกลางจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดย BGRIM ประเมินว่า ราคาก๊าซธรรมชาติของโรงไฟฟ้า SPP คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 290-310 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี 2568 และวางแผนนำเข้า LNG ไม่เกิน 9 ลำ เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าของบริษัท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มลูกค้า IUs รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 30-40 เมกะวัตต์ ลูกค้าหลักจะอยู่ในกลุ่มนิคมฯมาบตาพุด รวมถึงกลุ่ม Data center ทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 2-3 ราย

อีกทั้ง BGRIM ยังอยู่ระหว่างเจรจาโครงสร้างค่าไฟใหม่ เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงกับราคาก๊าซ โดยได้เริ่มเจรจากับลูกค้ารายใหม่ ได้แก่ ลูกค้า Data center รวมถึงลูกค้าที่จะหมดสัญญา คาดว่าปี 2568-2569 จะอยู่ที่ประมาณ 30%
ส่วนแผนขยายลงทุนโครงการในสหรัฐอเมริกานั้น ที่ผ่านมากลุ่มบริษัท ได้เข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Malacha กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันได้มีการติดตั้ง Pump Storage เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมทั้งยังดูโอกาสดีล M&A ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ

ปัจจุบัน BGRIM มีกำลังการผลิต Committed Portfolio รวมอยู่ที่ 6,188 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น กำลังการผลิตที่ Operating แล้ว 4,178 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพัฒนา พร้อมทั้งตั้งเป้าเป็น 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573
BGRIM ยังคงขับเคลื่อนธุรกิจผ่านแผน ยุทธศาสตร์ GreenLeap – Global and Green ประกอบด้วย แผนเชิงกลยุทธ์ 3 ประการ
1. Industrial Solutions: มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดหาพลังงานให้กับภาคอุตสาหกรรมภายใต้อัตราค่าไฟฟ้าที่หลากหลาย บี.กริม เพาเวอร์ จะใช้โครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม แบตเตอรี่ รวมถึงการเตรียมพร้อมในการรองรับยานยนต์ไฟฟ้า และเครื่องมือดิจิทัลขั้นสูง เช่น ระบบที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือกที่สะอาดที่กระจายอยู่ทั่วไป (distributed energy source) เพื่อรักษาความสมดุลของโครงข่ายไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ รวมถึงสนับสนุนลูกค้าด้านการชดเชยคาร์บอนและการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน ยุทธศาสตร์นี้อาศัยความรู้ของ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อบูรณาการพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บพลังงาน เพื่อที่จะให้บริการด้านพลังงานแบบครบวงจรแก่ลูกค้า
2. Independent Power Producer: มีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของ บี.กริม เพาเวอร์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเตรียมพร้อมพอร์ตในประเทศสู่การลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- Flexible Power: มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของพอร์ตโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม การบริหารจัดการระบบสำรองไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม เพื่อสร้างสมดุลในการรองรับการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตเมื่อโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมจะมีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลของโครงข่ายไฟฟ้า รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก และการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานระยะกลางและระยะยาวต่อไป ทั้งนี้ กุญแจสำคัญ คือ ความเชี่ยวชาญของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการดำเนินงานและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี
- Renewable Power: เป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลกและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ บี.กริม เพาเวอร์ จะใช้ประสบการณ์ในการดำเนินโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งใน ไทยและต่างประเทศ ความร่วมมือระดับโลกกับพันธมิตร พันธสัญญาต่อชุมชนและสังคม และพัฒนาเครื่องมือซอฟต์แวร์ขั้นสูงที่จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเรา (Proprietary Software) สำหรับบริหารจัดการโครงการพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งเน้นพื้นที่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและ/หรือเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของระบบเศรษฐกิจทั้งในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและยกระดับการลงทุน
3. Sustainable Fuels: ยุทธศาสตร์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่าการจัดหาก๊าซผ่านสัญญาการจัดหาระยะยาวโดยใช้ใบอนุญาตผู้จัดหาและค้าส่งของ บี.กริม แอลเอ็นจี โดยจะเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้านเชื้อเพลิงสังเคราะห์สำหรับอุตสาหกรรมและเคมีภัณฑ์ รวมถึงเชื้อเพลิงสังเคราะห์สำหรับภาคส่วนที่ยากต่อการลดทอน เช่น การบินและการเดินเรือ โดยยุทธศาสตร์นี้อาศัยจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการจัดหาก๊าซธรรมชาติ และความร่วมมือที่ยาวนานและแข็งแกร่งกับคู่ค้าและผู้ผลิตอุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ GreenLeap ตั้งเป้าหมาย EBITDA ประจำปีที่มากกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตรากำไร EBITDA ที่ 35% ภายในปี 2573 โดยยังคงรักษาโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ เรายึดมั่นในหลัก ธรรมาภิบาล ความยั่งยืน และการจัดการห่วงโซ่คุณค่าอย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าว “บี.กริม เพาเวอร์” ตั้งเป้าหมายจะบรรลุอัตราการเติบโตของ EBITDA ต่อปีแบบทบต้นในระดับ 10% ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามแนวทางควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศา ของประเทศในกลุ่ม Non-OECD (2C Non-OECD) ที่กำหนดโดย International Energy Agency (IEA) ด้วยสัดส่วนโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สูงกว่า 50% ภายในปี 2573 และมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนหนึ่งในความรับผิดชอบและการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
