![]()
CAAT จับมือ NT เปิดตัวโดรนขนส่ง พลิกโฉมการขนส่งทางอากาศยุคใหม่ของไทย ขณะที่ “พิพัฒน์” ย้ำต้องวางระเบียบเข้มคุมการใช้โดรนในทางที่ผิด หรือเป็นภัยความมมั่นคง พร้อมผลักดันแนวทางกำกับดูแลอากาศยานขั้นสูงในระดับภูมิภาค

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมเป็นประธานในงานแถลงข่าว “การขนส่งทางอากาศยุคใหม่ด้วยโดรน” (The New Era of Drone Delivery) เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมการนำโดรนมาใช้ในการขนส่งทางอากาศยุคใหม่ในภาคธุรกิจและกิจการต่าง ๆ โดยมี พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) พร้อมด้วยผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีเข้าร่วม ทั้งนี้ภายในงานยังมีการสาธิตการบินโดรน เพื่อการขนส่งด้วย
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นอีกก้าวสำคัญของไทยในการขับเคลื่อนระบบขนส่งทางอากาศให้ก้าวทันยุคดิจิทัล และเทคโนโลยีแห่งอนาคต ซึ่งอากาศยานไร้นักบินหรือโดรน ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ในการให้บริการขนส่งที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งพัสดุ เวชภัณฑ์ และสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่ระบบขนส่งทางบกมีความยากลำบากในการเข้าถึงหรือเข้าถึงได้แต่ไม่สะดวก ดังนั้นโดรนขนส่งจึงนับเป็นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศ เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และยังเป็นการเตรียมไทยเข้าสู่เศรษฐกิจยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบด้วย

อย่างไรก็ตามการเติบโตของโดรนจำเป็นต้องอยู่ภายใต้กรอบมาตรฐานความปลอดภัย (Safety and Security) ที่เข้มแข็งและรัดกุม ดังนั้นกระทรวงคมนาคมในฐานะที่มีบทบาทกำกับดูแลด้านการบินพลเรือน จึงกำชับให้ CAAT ร่วมมือกับทุกภาคส่วนพัฒนากฎระเบียบที่รัดกุม ทันสมัย และเหมาะสมก่อนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในพื้นที่สาธารณะ เพื่อป้องกันการนำโดรนไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อให้เทคโนโลยีโดรนสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคง ปลอดภัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และพัฒนาระบบบริหารการจราจรทางอากาศสำหรับอากาศยานไร้คนขับ (UTM)
“จากสถานการณ์ของไทยในเวลานี้ที่กำลังมีปัญหาชายแดนทั้งพม่าและเขมร รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้ อาจส่งผลให้มีการนำโดรนมาใช้สนับสนุนหรืออำนวยความสะดวกให้กับผู้ไม่หวังดีกับไทยได้ ดังนั้นจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ดูแล และออกใบอนุญาตเข้มงวดการขึ้นทะเบียนใช้โดรน เพื่อไม่ให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดได้ โดยเฉพาะการลักลอบขนยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย รวมถึงเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศด้วย”นายพิพัฒน์ กล่าว

นายไชยชนก กล่าวว่า ในยุคของวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีเขื่อว่าทุกคนเข้าใจดีว่าเทคโนโลยีเป็นทั้งโอกาสและช่องทางที่จะก่อให้เกิดภัยได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าโดรนจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาที่ยังไม่เห็นทางออกในปัจจุบัน เช่น การลดปัญหาจราจรแออัดในเมืองหลัก กรือ ลดมลพิษในอากาศ เป็นต้น ขณะที่อีกด้านอาจมีผลกระทบต่อภัยความมั่นคงของประเทศได้เช่นกัน
ดังนั้นขอยืนยันว่ากระทรวงดิจิทัลฯจะเข้มงวดเรื่องการขึ้นทะเบียนและการออกกฎหมายกำกับดูแลอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันภัยความมั่นคง ผ่านแพลตฟอร์มบริหารจัดการจราจรทางอากาศสำหรับอากาศยานไร้นักบิน (UTM) และโครงข่ายสื่อสารบนคลื่น 700 MHz เพื่อใช้ติดตามและควบคุมเที่ยวบินโดรนแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ Remote ID เพื่อให้การบินทุกลำสามารถตรวจสอบได้อย่างปลอดภัยและมีมาตรฐานเดียวกัน
ด้าน พันเอก สรรพชัยย์ กล่าวว่า NT มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน และได้ร่วมกับพันธมิตรระดับนานาชาติซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการบริหารจัดการอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน สิ่งนี้ช่วยให้การจัดการเที่ยวบินเป็นไปอย่างแม่นยำและราบรื่น นอกจากนี้ NT ยังให้บริการซิม ‘my by NT’ บนคลื่น 700 MHz โดยได้รับอนุญาตจาก กสทช. เพื่อใช้ติดตามเที่ยวบินของโดรนได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพผ่านเครือข่าย ผลทดสอบสัญญาณเป็นที่น่าพอใจและมั่นใจได้ในการรองรับผู้ประกอบการโดรนเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย
ขณะที่ พลอากาศเอก มนัท กล่าวว่า บทบาทของ CAAT คือการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินและส่งเสริมกิจการการบินให้เติบโตก้าวหน้า ซึ่งการส่งเสริมและสนับสนุนนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีการบินในด้านอากาศยานซึ่งไม่มีนักบินหรือโดรน รวมถึงระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งของ CAAT ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มดิจิทัลของ NT ซึ่งนำมาสนับสนุนการขนส่งทางอากาศด้วยโดรนนั้น ถือเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการทำการบินและช่วยในการบริหารจัดการจราจรทางอากาศสำหรับโดรนอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยยกระดับความปลอดภัยในการใช้ห้วงอากาศของประเทศ
โดยความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการบูรณาการระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ เพื่อพัฒนา “ระบบนิเวศการบินไร้นักบิน (Drone Ecosystem)” อย่างครบวงจร อันจะช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินของไทย สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้นักบินในเชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพ และต่อยอดสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศในอนาคตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ CAAT ยังอยู่ระหว่างการผลักดันแนวทางกำกับดูแลอากาศยานขั้นสูงในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติ Advanced Air Mobility Symposium (AAM 2026) ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม 2569 ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการขนส่งทางอากาศสมัยใหม่ เช่น โดรนขนส่งสินค้า ระบบแท็กซี่บินไฟฟ้า (eVTOLs) และการบริหารจราจรทางอากาศในเมือง (Urban Air Mobility – UAM)”
สำหรับการสาธิตการบินโดรน เพื่อการขนส่งจากผู้ประกอบการใน 4 จุด ประกอบด้วย 1.บริษัท สไกลเลอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด สาธิตการบินโดรน ส่งอุปกรณ์ เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator, AED) จากไอคอนสยามข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยัง ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก กรุงเทพมหานคร 2.บริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) การบินโดรนขนส่งเวชภัณฑ์และยาจากหาดเตยงาม ไปยังเกาะไก่เตี้ย จังหวัดชลบุรี 3.บริษัท เอวิลอน โรโบทิคส์ จำกัด สาธิตการบินโดรน ขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค จากเกาะสมุยไปยังเกาะแตน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 4.บริษัท อีซี่ (2018) จำกัด สาธิตการบินโดรนขนส่งพืชผลทางการเกษตรจากแปลงเพาะปลูก ไปยังโรงคัดแยกผลผลิต อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่