CAAT จ่อชง กบร.ปรับขึ้นค่า PSC ต่างประเทศ 5 บาทเป็น 735 บาท

Loading

CAAT จ่อชง กบร.ปรับขึ้นค่า PSC ต่างประเทศ 5 บาทจาก 730 บาทเป็น 735 บาท ชี้ยังต่ำกว่าสิงคโปร์ที่เก็บค่า PSC 1,500 บาท พร้อมขอปลดล็อคอายุเครื่องบินแบบไม่มีเพดาน

พลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เปิดเผยว่า CAAT เตรียมนำเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินพลเรือน (กบร.) ให้พิจารณาการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges หรือ PSC สำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ จาก  730 บาทเป็น 735 บาท ที่ใช้บริการในท่าอากาศยานสังกัดบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ทอท.หรือ AOT จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานหากใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย รวมถึงท่าอากาศยานในสังกัดของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) 1 แห่ง ได้แก่ สนามบินตรัง

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา CAAT ได้พิจารณาเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ก็ถือว่าไทยยังเก็บค่า PSC ที่ต่ำกว่า เช่น สิงคโปร์ เก็บค่า PSC 1,500 บาท และต้องยอมรับการที่สนามบินจะให้บริการที่ดีขึ้น สะดวกขึ้นและปลอดภัยมากขึ้นก็ต้องมีต้นทุนในการจัดหาอุปกรณ์มาใช้ดำเนินงาน จึงจำเป็นที่ผู้ประกอบการสนามบินจะต้องมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อจะได้ดำเนินธุรกิจอย่างปลอดภัยต่อไปได้

นอกจากนี้ CAAT ยังเตรียมนำเสนอให้บอร์ดกบร. พิจารณายกเลิกข้อกำหนดการนำเข้าอากาศยานจากเดิมที่กำหนดเรื่องของอายุอากาศยานเปลี่ยนเป็นการกำหนดความปลอดภัยในการเดินอากาศ โดยจะไม่มีการกำหนดเพดานอายุสูงสุดของเครื่องบิน เนื่องจากเครื่องบินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีอายุใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉลี่ยแล้วเครื่องบินอายุ 30-40 ปี ก็ยังสามารถบินได้อย่างสบาย เพราะมีการตรวจเชคที่ถูกต้อง

ประกอบกับในปัจจุบันตลาดมีความต้องการเครื่องบินสูง และเครื่องบินใหม่ก็ผลิตไม่ทัน หากผู้ประกอบการประสงค์จะนำเครื่องบินเช่า หรือเครื่องบินใช้แล้วเข้ามา CAAT ก็จะตรวจสอบความปลอดภัยถ้าพบว่ามีมาตรฐานความปลอดภัยก็จะอนุญาตให้นำเข้ามาได้โดยไม่คำนึงถึงอายุของอากาศยานแล้ว ทั้งเครื่องบินรับส่งผู้โดยสารและเครื่องบินขนส่งสินค้า เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น

พลอากาศเอก มนัท กล่าวอีกว่า การแก้ไขข้อกำหนดของอายุเครื่องบินดังกล่าวถือว่าเป็นการปลดล๊อกข้อจำกัดให้สอดคล้องกับความต้องการเครื่องบินในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งข้อกำหนดที่ใช้อยู่เรื่องอายุของเครื่องบินนั้นกำหนดอายุการใช้งานของเครื่องบินแต่ละประเภทนับจากวันรับเข้าฝูงบินครั้งแรก ได้แก่  เฮลิคอปเตอร์ อายุไม่เกิน  5 ปี ซึ่งในความเป็นจริงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเฮลิคอปเตอร์ใช้แล้วที่มีอายุน้อยขนาดนี้และนำเข้ามาในประเทศ ทำให้ตลาดการให้บริการเฮลิคอปเตอร์ ในประเทศไม่ค่อนโตเท่าที่ควร ส่วนเครื่องบินรับส่งผู้โดยสารไม่เกิน 16 ปี ก็นับว่ายังใหม่มาก และเครื่องบินขนส่งสินค้าไม่เกิน 22 ปี

ทั้งนี้ข้อกำหนดเรื่องอายุของเครื่องบินนั้นในระดับสากลก็มีอยู่ในกี่ประเทศที่ใช้ข้อกำหนดนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้กำหนดอายุของเครื่องบิน ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ ถือว่า CAAT ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานส่วนใหญ่ของโลกที่ใช้ข้อกำหนดเรื่องความพร้อมและความปลอดภัยของเครื่องบินแทนการกำหนดอายุ เพราะข้อกำหนดอายุของเครื่องเป็นนับเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไทยไม่สามารถแข่งขันสู้กับต่างประเทศได้ แต่ขอให้มั่นใจในการตรงจสอบของ CAAT ที่เน้นมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

ทั้งนี้หากบอร์ด กบร.เห็นชอบแล้วก็จะดำเนินการตามขั้นตอน คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถออกประกาศบังคับใช้ได้ ซึ่งเวลานี้ก็มีผู้ประกอบการหลายสายการบินที่รอประกาศดังกล่าวเพื่อจะได้นำเครื่องบินเข้ามาได้ ส่วนบุคลากรที่จะรองรับจำนวนเครื่องบินที่จะนำเข้ามาหลังปลดล๊อคอายุการใช้งานแล้วนั้น ช่วงแรกอาจยังไม่ประสบปัญหา แต่ในอนาคตอันใกล้หากไม่วางแผนผลิตบุคลกรด้านการบินรองรับให้เพียงพอก็อาจจะประสบปัญหาขาดแคลนได้

ด้าน นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวถึงการปรับขึ้นค่า PSC ว่า หลังจากที่ AOT ได้ทำการศึกษาค่า PSC แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน ICAO และ IATA พบว่าค่า PSC ที่จะปรับขึ้นเป็นไปตามมาตรฐานที่สนามบินทั่วโลกใช้ และได้ผ่านการพิจารณาของบอร์ด AOT แล้วและ AOT ได้เสนอเรื่องไปให้ CAAT เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง CAAT จะนำเข้าสู่ที่ประชุม กบร.เพื่อพิจารณา หากได้รับการอนุมัติก็จะเข้าสู่กระบวนการปรับขึ้นค่า PSC คาดว่าจะสามารถใช้ราคาค่า PSC ใหม่ได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีงบฯ 2569 ซึ่งก็จะส่งผลให้รายได้จากการบินของ AOT เพิ่มมากขึ้น