ผู้ชมทั้งหมด 744
“สมโภชน์” แนะแผนพัฒนาฯ ฉบับ 13 ต้องวางเป้าหมายขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าให้ชัดเจน เปลี่ยนใช้ OKR แทน KPI มุ่งเน้นผลลัพธ์ ฉวยโอกาสจากวิกฤตโควิด-19 สร้างการแข่งขันดึงดูดนักลงทุน
เวทีการประชุมประจำปี ของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการเสวนา 13 หมุดหมาย พลิกโฉมประเทศไทย ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2564 ซึ่งเป็นการรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำมาประกอบการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่เน้นการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม การบริการ ชุมชน เอสเอ็มอี ควบคู่กับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และนำการพัฒนาที่ยั่งยืน
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2021/09/S__137347418-1024x575.jpg)
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้เข้าร่วมนำเสนอข้อคิดเห็นในเวทีดังกล่าว โดยระบุว่า การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นหมุดหมายที่ 3 ของ 13 หมุดหมาย ภายใต้ แผนพัฒนาฯฉบับที่ 13 ซึ่งมองว่าการจะทำให้เป้าหมายการพัฒนาประเทศประสบความสำเร็จนั้น หมุดหมายที่ 13 คือ ภาครัฐ จะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะริเริ่มและผลักดันการเชื่อมโยงทั้ง 13 หมุดเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสม
ดังนั้น สิ่งที่ภาครัฐต้องดำเนินการในตอนนี้ คือ การกำหนดยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายต้องชัดเจน ว่าจะดำเนินการช่วงเวลาใด เพื่อให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน เพื่อรักษาเศรษฐกิจฐานรากอุตสาหกรรมยานยนต์อาเซียน ไม่เสียโอกาสให้กับเวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยจัดลำดับความสำคัญและโฟกัส และ Market Timing ก็สำคัญ
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2021/09/สมโภชน์-อาหุนัย-2-684x1024.jpg)
“เรากำลังบอกว่า เราอยากจะเป็น EV HUB เราอยากจะทำรถไฟฟ้า เราอยากจะมีโรงแบตเตอรี่ที่เมืองไทย แต่ตอนนี้การลงทุนมันไปลงที่เวียดนามแล้ว เขาตอกเสาเข็มแล้วสร้างโรงแบตเตอรี่”
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอการจัดทำยุทธศาสตร์ “ยานยนต์ไฟฟ้า” รัฐควรสนับสนุนให้ผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเริ่มดำเนินการที่รถเชิงพาณิชย์ โดยให้รถในระบบราชการเป็นรถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มปริมาณความต้องการใช้ หนุนการผลิตชิ้นส่วนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าในราคาต้นทุนต่ำ และดึงดูดผู้ผลิตรายใหญ่ เพื่อเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหากเดินตามแนวทางนี้ ประเทศจะได้รับประโยชน์สูงสุดหากจะผลักดันนโยบายต่อไปข้างหน้า
นอกจากนี้ รัฐควรตั้งเป้ามายที่ท้าทาย เพื่อ ให้เกิดแรงผลักดันในการบรรลุเป้าหมายให้สำเร็จ พร้อมจัดลำดับความสำคัญในแต่ละด้าน เช่น การทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานให้แข่งขันได้ เพิ่มอุปสงค์และอุปทาน
รวมถึง เปลี่ยนวิธีการตั้งเป้าหมาย เพื่อให้มุ่งสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง โดยหันใช้ OKR แทน KPI เพื่อเน้นผลลัพธ์ที่สร้างความสำเร็จมากกว่า อีกทั้งส่งเสริมคนไทยเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี (THAILAND FIRST) พร้อมเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เพื่อประเทศพ้นจาก Middle Income Trap เปิดกว้างยอมรับผลิตภัณฑ์ของคนไทย โดยการลดอุปสรรคและเงื่อนไขในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยคนไทย และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศชาติ
“วันนี้ โควิด-19 เป็นวิกฤต ต้องเปลี่ยนวิกฤตให้เป้นโอกาสเพื่อประเทศพ้นจาก Middle Income Trap”