EGCO โชว์ผลงานQ1/68 กำไรสุทธิพุ่ง 115% กว่า 3,500 ลบ.

ผู้ชมทั้งหมด 152 

EGCO Group โชว์ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ทะยานต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิ 3,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC สหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ออสเตรเลีย พร้อมเร่งเครื่องแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ท่ามกลางสถานการณ์อุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกที่เผชิญกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนอย่างมาก จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) นั้น

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ยังสามารถบริหารจัดการพอร์ตโฟลิโอและการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 EGCO Group รับรู้รายได้รวม 10,838 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 3,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% หรือ 1,915 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีแล้ว ซึ่งมีปัจจัยบวกจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว 

ทั้งนี้ ไตรมาสที่ 1/2568 EGCO Group มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่สำคัญ ทั้งการปิดดีลขายหุ้นทั้งหมดของโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย ได้แก่ การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบ 80 ต้น รวม 640 เมกะวัตต์ ของโรงไฟฟ้า Yunlin ในไต้หวัน การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ ระยะเวลา 15 ปี ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์

นอกจากนี้ EGCO Group ได้ลงนามสัญญาซื้อหุ้น 49% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในสหรัฐอเมริกา และการเพิ่มทุน 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน CDI ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ในอินโดนีเซีย 

ดร. จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group ระบุว่า ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ผันผวนในปัจจุบัน EGCO Group ยังคงเดินหน้าเร่งเครื่องแสวงหาโอกาสการลงทุนและเพิ่มกำลังผลิตใหม่ในธุรกิจไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ “Triple P” ที่มีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ และการปรับเปลี่ยนองค์กรในทุกมิติ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม EGCO Group ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกาศนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) สำหรับการลงทุนในโครงการใหม่ EGCO Group จะพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงอย่างรอบด้านอยู่เสมอ โดยครอบคลุมถึงนโยบายของแต่ละประเทศที่เข้าลงทุน เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนต่าง ๆ จะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรได้ตามเป้าหมาย และบริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ