ผู้ชมทั้งหมด 112
“กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” ส่ง “กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์” ซื้อหุ้นทั้งหมด “เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ ” ถือในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และซื้อหุ้นทั้งหมด ” เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ” ถือในโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม มูลค่าลงทุนรวม 1,100 ล้านบาท ส่งผลให้โครงการทั้งหมดเป็นบริษัทย่อยของ GWTE เพิ่มศักยภาพการเติบโตของโครงการในระยะยาว

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (GULF) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบหลักการการรับซื้อไฟฟ้าและอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561–2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดของประเทศ
โดยแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในการเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ควบคู่กับการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสีย ตลอดจนสนับสนุนนแนวนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio Circular Green Economy: BCG)
บริษัทฯ จึงได้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมภายใต้แผนดังกล่าว จำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญารวม 96 เมกะวัตต์ และโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม (Solid RecoveredFuel: SRF) จำนวน 3 โครงการ ผ่านบริษัท กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (GWTE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 นั้น
ทั้งนี้ GULF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 “กัลฟ์ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี โฮลดิ้งส์” ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัท เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (ETC) ถือในโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม และซื้อหุ้นทั้งหมดที่บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) ถือในโครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรม ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,100 ล้านบาท ส่งผลให้โครงการทั้งหมดดังกล่าวเป็นบริษัทย่อยของ GWTE โดยมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นดังต่อไปนี้
คือ โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ภายใต้บริษัท เก็ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 10 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 80 เมกะวัตต์ ซึ่งเดิม GWTE และ ETC ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วนร้อยละ 50 เป็น GWTE ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100
ส่วน โครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ภายใต้บริษัท ซันเทค อินโนเวชั่น พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 16 เมกะวัตต์ซึ่งเดิม GWTE ,ETC และบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX) ถือหุ้นใน สัดส่วนร้อยละ 34, 33 และ 33 ตามลำดับ เป็น GWTE และ WTX ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 67 และ 33 ตามลำดับ สุดท้ายคือ โรงงานผลิตเชื้อเพลิงแข็งจากขยะอุตสาหกรรมภายใต้บริษัท เซอร์คูลาร์ แคมป์ จำกัด จำนวน 3 โครงการ ซึ่งเดิม GWTE และ BWG ถือหุ้นเท่ากันในสัดส่วนร้อยละ 50 เป็น GWTE ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100
ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตของโครงการในระยะยาว และเชื่อมั่นว่าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความคล่องตัวในการบริหารจัดการโครงการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมทั้งหมด 12 โครงการดังกล่าว ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2570 ขณะที่โครงการโรงงานผลิตเชื้อเพลิงจากขยะอุตสาหกรรม มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีเดียวกัน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในการพัฒนาโครงการ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบต่อไป
สำหรับรายการดังกล่าวมีขนาดรายการไม่ถึงเกณฑ์ตามข้อกำหนดที่ต้องดำเนินการตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน และไม่เป็ไม่เป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน แต่บริษัทฯ มีหน้าที่รายงานสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามข้อบังคับของตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศ และการปฏิบัติการใด ๆ ของบริษัทจดทะเบียน