OR นำร่องเติมนำมัน SAF ให้การบินไทยเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ

ผู้ชมทั้งหมด 360 

OR ร่วมกับการบินไทย ให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) เที่ยวบินนำร่องเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ เที่ยวบินแรก ชี้ไม่ต้องปรับปรุงเครื่องยนต์สามารถผสมเข้ากับน้ำมัน Jet A-1 ได้

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และนายจีรัฐติกุล เอี่ยมหิรัญ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต สายปฏิบัติการและบำรุงรักษา บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOT) ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดเที่ยวบินนำร่องของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) โดย OR การบินไทย และ AOT โดยมี นายทรงพล เทพนำโสมนัสส์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจเอนเนอร์ยี่โซลูชัน OR และ นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติ ร่วมพิธี ณ สนามบินนานาชาติภูเก็ต

นายดิษทัต เปิดเผยว่า ในวันนี้ OR ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF) ในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของการบินไทย เส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต เพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการร่วมลงมือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดย SAF เป็นน้ำมันที่ผลิตจากน้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้วหรือที่เรียกว่า UCO (Used Cooking Oil) ที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่คล้ายคลึงกับน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Jet A-1) และสามารถผสมเข้ากับน้ำมัน Jet A-1 เพื่อให้ใช้ในเครื่องบินได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนหรือปรับปรุงเครื่องยนต์ใด ๆ มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตน้อยกว่าเชื้อเพลิงอากาศยานโดยทั่วไป

โดยเชื้อเพลิง SAF สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ ผู้ผลิตโดย บริษัท Neste ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืนชั้นนำของโลก และบริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นผู้จัดหาและนำเข้า รวมทั้ง บริษัท PETCO TRADING LABUAN COMPANY LIMITED (PTLCL) ประเทศมาเลเซีย ผู้จำหน่ายและผู้บริหารการขนส่งมายังจังหวัดภูเก็ต 

การใช้ SAF ในอุตสาหกรรมการบินสำหรับเที่ยวบินนำร่องของการบินไทยจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้การบินไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคการบินระหว่างประเทศตามข้อบังคับของ ICAO ในอนาคต และสอดคล้องกับนโยบายการเป็น Energy Solution Provider ของ OR อีกทั้งยังสอดคล้องกับแนวทาง OR SDG ในด้าน “G” หรือ “GREEN” ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ครอบคลุมตลอดทั้งการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด สร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ (Healthy Environment) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสร้างความยั่งยืนทางพลังงาน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยอีกด้วย

นายชาย กล่าวว่า การนำเชื้อเพลิง SAF มาใช้นำร่องกับเที่ยวบินของการบินไทยในเส้นทางภูเก็ต-กรุงเทพฯ เพื่อแสดงถึงการตระหนักในความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและการร่วมลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเชื้อเพลิง SAF มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดวงจรชีวิตน้อยกว่าเชื้อเพลิงอากาศยานโดยทั่วไป และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงโดยปกติ อีกทั้ง สามารถใช้ผสมในน้ำมันเครื่องบินในปัจจุบัน (Jet A1) ได้ทันทีและมีความปลอดภัย

การจัดเที่ยวบินที่ใช้เชื้อเพลิง SAF ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 หรือ ค.ศ. 2050 และเป็นไปตามมาตรการขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) สอดคล้องกับที่สหภาพยุโรปกำหนดสัดส่วนการผสมเชื้อเพลิง SAF ในน้ำมันอากาศยานที่จะทำการบินออกจากสนามบินในสหภาพยุโรปที่มีการเพิ่มสัดส่วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การบินไทยมีความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ผ่านมาตรการเชิงรุกที่สำคัญที่จะทยอยตามมาอีกในอนาคต