ผู้ชมทั้งหมด 790
TPIPP รุกสู่ธุรกิจสีเขียว ตั้งเป้าเลิกใช้ถ่านหิน ในปี2568 ขณะที่ปี 65 ทุ่ม 1,000 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิต RDF อีก 4,500 ตันต่อวัน พร้อมปรับปรุงหม้อไอน้ำ B6 ลดการใช้ถ่านหิน อีก 1,500 ล้านบาท คาดรายได้โตใก้ลเคียงปี 64 ที่ประเมินว่าจะต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 12,000-13,000 ล้านบาทเล็กน้อย หลังราคาเชื้อเพลิงพุ่ง ลั่นโปรเจคที่จะนะ จ่อทำ EIA ช่วง ธ.ค.นี้ หรือ ม.ค.ปี65
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน Q3/2021 วันที่ 1 ธ.ค. 2564 โดยระบุว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 คาดว่า จะเติบโตใกล้เคียงกับปี 2564 แม้ว่าเบื้องต้นคาดว่า จะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีรายได้ อยู่ที่ระดับ 12,000-13,000 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงถ่านหินปรับสูงขึ้น ขณะที่ปี 65 แม้ว่ารายได้จาก Adder ของโรงไฟฟ้า TG3 (18MW) และ TG5 (55MW) ที่จะทยอยหมดอายุลงในเดือน ม.ค. และส.ค.65 แต่มีรายได้จากการปรับปรุงหม้อไอน้ำของ B6 ที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินลง รวมถึงการขายเชื้อเพลิง RDF ให้กับโรงงานปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น ก็น่าจะส่งผลให้รายได้ใกล้เคียงกับปีนี้
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ยังขึ้นอยู่กับราคาเชื้อเพลิงซึ่งหากราคาถ่านหินไม่ปรับลดลง ก็คาดว่ารายได้จะเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แต่หากราคาถ่านหินปรับลดลง ก็น่าจะทำให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นได้
ขณะที่ ปี 2565 บริษัท มีแผนจะใช้เงินลงทุน ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตเชื้อเพลิง RDF เพิ่มอีก 4,500 ตันต่อวัน จากที่มีโรงงาน RDF อยู่แล้ว 3 แห่ง ซึ่งจะเริ่มลงทุนในปีหน้า และใช้เงินอีก 1,500 ล้านบาท สำหรับปรับปรุงหม้อไอน้ำ B6 เพื่อปรับเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงRDF แทนการทยอยลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินลง ซึ่งจะเริ่มลงทุนช่วงปี 65-66 รวมถึงมีแผนปรับปรุงหม้อไอน้ำ B8 เพื่อปรับเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงRDF แทนการทยอยลดการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินลง อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มลงทุนปี 66-68
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2021/12/S__138592317-1024x551.jpg)
ทั้งนี้ บริษัท ตั้งเป้าหมายจะเติบโตในโรงไฟฟ้าสีเขียว โดยจะจะเลิกใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน เป็น 0% ภายในปี 68 จากปัจจุบันมีสัดส่วนเชื้อเพลิงถ่านหินอยู่ที่ 50% จากกำลังการผลิตไฟฟ้าปัจจุบัน อยู่ที่ 440 เมกะวัตต์ เป็นเชื้อเพลิงถ่านหิน อยู่ที่ 220 เมกะวัตต์ ซึ่งในปี 2566 บริษัท ตั้งเป้าหมายจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือเพิ่มเป็น 464 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเหลือโรงไฟฟ้าถ่านหิน อยู่ที่ 150 เมกะวัตต์ และปี 2568 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า อยู่ที่ 582 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นไฟฟ้าสีเขียวทั้งหมด โดยไม่มีการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินอีกต่อไป
นายภัคพล ยังกล่าวถึงโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต หรือ Prototype City of Advanced Futuristic Industries (PAFI) อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ที่เป็นการส่งเสริมการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 สวนอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ที่จะเป็นการลงทุนในธุรกิจก้าวหน้าแห่งอนาต และธุรกิจเบาและเกษตรกรรม ซึ่งได้ยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ จาก BOI แล้ว และอยู่ระหว่างรอการพิจารณา
ส่วนที่ 2 สมาร์ทซิตี้ ที่จะรองรับการใช้เทคโนโลยี 5G ครอบคลุมทั้งเมือง มีศูนย์การเงิน และศูนย์สุขภาพสมัยใหม่ เป็นต้น
ส่วนที่ 3 ท่าเรือน้ำลึก ซึ่งได้ยือขอรับสิทธิประโยชน์จาก BOI แล้ว โดยจะมีทั้งท่าเรือเทกอง ท่าเรือคอนเทนเนอร์ ตู้สินค่า และท่าเรือรับ-จ่ายLNG รวมถึงศูนย์กระจายสินค้า
และส่วนที่ 4 ศูนย์รวมพลังงานสะอาด ซึ่งจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า รวม 3,700 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าก๊าซ 1,700 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าโซลาร์ฯ 1,000 เมกะวัตต์ พลังงานลม 800 เมกะวัตต์ และชีวมวลกับขยะ อีก 200 เมกะวัตต์ โดยได้ยื่นของรับสิทธิประโยชน์จากBOI แล้ว
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2021/12/S__138592313-1024x474.jpg)
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ได้ผ่านการเห็นชองจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2562 ที่มีมติเห็นชอบขยายผลสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” โดยปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน (ผังเมือง) และการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งคาดว่า จะเริ่มจัดทำ EIA ค.1 ได้ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ หรือต้นเดือน ม.ค.ปี65
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2021/12/S__138592314-1024x474.jpg)
นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท ทีพีไอ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP กล่าวว่า บริษัท อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าขยะชุน รอบใหม่ ตามโควตา 400 เมกะวัตต์ในแผน PDP 2018 Rev.1 ซึ่งในส่วนของ 200 เมกะวัตต์แรกได้รับการพิจารณาจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยในส่วนนี้ มีโรงไฟฟ้า 2 แห่งของบริษัทที่ผ่านการอนุมัติ คือ จ.นครราชสีมา และจ.สงขลา คาดว่า กกพ.จะออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี65
รวมถึง โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังมีโควตาผลิตไฟ้ฟาจากขยะชุมชน อีก 200 เมกะวัตต์ ซึ่งไม่รวมอยู่ในโควตา 400 เมกะวัตต์ดังกล่าว ที่คาดว่าจะส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยบริษัทก็อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเข้าร่วมในโครงการนี้
นอกจากนี้ ตามการจัดทำผ่าน PDP ฉบับใหม่ หรือ PDP 2022 ที่ภาครัฐจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม อีก 200 เมกะวัตต์นั้น บริษัท ก็มีประสบการณ์ในด้านนี้ และพร้อมที่ศึกษาโอกาสขยายการลงทุนต่อไป