ผู้ชมทั้งหมด 991
“ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่” จ่อทุ่มงบลงทุนปี 65 อยู่ที่ 500-600 ล้านบาท เพิ่มโอกาสธุรกิจใหม่-ขยายธุรกิจ LPG ชี้หากโควิด-19 ไม่รุนแรงขึ้น เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้นจากปี64 พร้อมตั้งเป้ายอดขายในประเทศปี65 โต 7.4 แสนตัน ขณะที่ ไตรมาส4 ปีนี้ ลุ้นผลประกอบการโตขึ้น 10%
นายนพวงศ์ โอมาธิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินและบริหารองค์กร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2564 โดยระบุว่า แนวโน้มการลงทุนในปี 2565 บริษัท คาดว่า จะใช้งบลงทุนเพิ่มขึ้น อยู่ที่ ประมาณ 500-600 ล้านบาท จากปกติเฉลี่ยต่อปี อยู่ที่ประมาณ 300-400 ล้านบาท ซึ่งเดิมจะเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจ LPG แต่ในอนาคตจะเน้นที่ธุรกิจปลายน้ำให้มากขึ้น เน้นการสร้างรายได้ทางธุรกิจใหม่ เช่น โซลาร์รูฟท็อป ธุรกิจซ่อมบำรุงถังก๊าซ พร้อมมองหาโอกาสเพิ่มกำไรจากการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ
“ธุรกิจ LPG ค่อนข้างอยู่ตัวแล้ว เราก็มองโอกาสธุรกิจใหม่ ที่เรียกว่า Non LPG ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนกำไรจากธุรกิจ LPG ระดับ 100% ก็คาดว่า ใน 5 ปีข้างหน้าจะเหลือ 70% และเพิ่ม Non LPG เป็น 30% โดยจะพยายามขยายธุรกิจB2C ให้มากขึ้นในช่วง 3 ปีจากนี้”
รวมถึง การลงทุนธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาและอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 5 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าในปี 2565 จะเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 20 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังมีอีกหลายโครงการที่บริษัทยังมองหาโอกาสการเติบโต
ขณะที่ยอดขาย LPG ในปี 2565 ตั้งเป้าหมายจะอยู่ที่ 740,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 อยู่ที่ ระดับ 700,000 ตัน ส่วนผลการดำเนินงานทั้งปี 2565 ก็คาดว่า จะไม่แย่ไปกว่าไตรมาส 4 ปี2565 หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ “โอไมครอน” ไม่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุนซื้อกิจการโรงงานซ่อมถัง ของบริษัท ไทย แก๊ส ไซลินเดอร์ จำกัด (TGC) มูลค่าลงทุน 79 ล้านบาท ขนาดกำลังการซ่อมราว 430,000 ใบต่อปี จะช่วยให้บริษัทประหยัดต้นทุนและควบคุมคุณภาพได้มากขึ้น เนื่องจากทุกปีบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงถังเฉลี่ยราว 50 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าซ่อมลงได้ประมาณ 5 ล้านบาท ถือเป็นการเพิ่มกำไรจากต้นทุนที่ลดลง อีกทั้งในอนาคตยังมองหาโอกาสขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากไตรมาส 3 ราว 10% หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดประเทศ ส่งผลให้ยอดขาย LPG ในเดือน ต.ค.-พ.ย.เพิ่มขึ้น และเดือนธ.ค.นี้ คาดว่า จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานทั้งปี
ปัจจุบัน เวิล์ดแก๊สมีส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในตลาด LPG อยู่อันดับ 2 หรือคิดเป็น 18% ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน มีคลังก๊าซฯ 5 จังหวัด กระจายทั่วประเทศ และมีศูนย์กระจายสินค้าอีก 164 แห่ง