ผู้ชมทั้งหมด 461
“ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่” กางแผนลงทุนปี 2566 อัดงบ 900-1,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายLPG แตะ 8 แสนตันดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท ลุยธุรกิจเกี่ยวเนื่องใน Trend , โครงการพลังงานลม, EV และ Battery Storage ขณะที่ปี2565 คาดรายได้เกินเป้า 1.2 หมื่นล้านบาท
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2566 จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 จากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าเติบโตไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
โดย บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจปี 2566 ไว้ที่ประมาณ 900 – 1,000 ล้านบาท โดยจะนำเสนอบอร์ดพิจารณาในเดือนมกราคม 2566 แบ่งเป็น 300 ล้านบาท เพื่อการลงทุนในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) เช่น การขยายโรงบรรจุ และรุกสู่กิจการค้าปลีก ,การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอีก 500 ล้านบาท และ 100-200 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างการเติบโตให้บริษัท โดยบริษัทฯ มองหาการลงทุนหรือขยายโอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ใน Trend การเติบโตในอนาคต เช่น โครงการพลังงานลม, EV , และ Battery Storage ฯลฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
สำหรับธุรกิจพลังงานบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) อยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ ซึ่งในปี 2565 ได้ลงนามความร่วมมือกับ สมาคมพลังงานทดแทนสู่ชุมชนแห่งประเทศไทย เข้าติดตั้ง Solar นำร่องให้โรงเรียน และ วัด ซึ่งเป็นโครงการ CSR Project ของกลุ่มบริษัทฯ
“บริษัท มี EBITDA ปีละประมาณ 500-600 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดส่วนเกินอยู่มาก ขณะที่อัตราส่วน IBD/E อยู่ที่ 0.42 เท่า จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯ ยังสามารถระดมทุนผ่านสถาบันการเงินได้อีกมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงมองหาโอกาสในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และผลตอบแทนคุ้มค่าตลอดมา”
อย่างไรก็ตาม จากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะเติบโตประมาณ 2.7% ซึ่งเป็นการเติบโตที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยุโรป และลาตินอเมริกาจะเติบโตประมาณ 1%, 0.5% และ 1.7% ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดเป็นตลาดใหญ่ จะมีเพียงแถบเอเชียที่ยังขยายตัวได้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ที่ 4.9% ในปี 2566 คาดว่าราคาพลังงานจะไม่เพิ่มขึ้นไปกว่าปี 2565 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันในประเทศยังคงติดลบอยู่ ทำให้ราคา LPG ในประเทศในปี 2566 ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ
ด้าน นางสาวตวงรัตน์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน (แผนกนักลงทุนสัมพันธ์)บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยในงาน Oppday Q3/2022 บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) WP เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 โดยระบุว่า บริษัท คาดว่า รายได้ในปี 2565 จะเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 12,000 ล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนของปีนี้ สามารถทำรายได้ที่ระดับ 10,636 ล้านบาท คิดเป็น 88% โดยในส่วนของยอดขายปี 2565 จะเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ 765,000 ตัน แบ่งเป็นขายในประเทศ 740,000 ตัน และส่งออก 25,000 ตัน จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการส่งออกเนื่องจากมีความต้องการ LPG เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก จากวิกฤติการขาดแคลนพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และยังได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ยอดขายในกลุ่ม Auto Gas ปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงยอดขายในกลุ่ม Commercial และ Industrial ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการเปิดประเทศ และการบรรเทาลงของสถานการณ์ COVID-19