WP มั่นใจผลการดำเนินงานปี68 โตตามเป้า เร่งติดตั้งโซลาร์รูฟฯ หนุนมาร์จิ้น  

ผู้ชมทั้งหมด 134 

 WP มั่นใจ ปี2568 ผลการดำเนินงานโตตามเป้า รายได้แตะ 1.85 หมื่นล้านบาท ยอดขาย LPG อยู่ที่ 8.3 แสนตัน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง พร้อมลุยลงทุนตามงบประมาณที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท เพิ่มจุดกระจายสินค้าเร่งติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่ม 5 เมกะวัตต์ตามแผนหนุนมาร์จิ้น เผยล่าสุดเดือนพ.ค.2568 ทำได้แล้ว 4 เมกะวัตต์

นางตวงรัตน์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยในงาน Oppday Q1/2025 WP วันที่ 14 พ.ค.2568 โดยระบุว่า แนวโน้มการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี ที่ตั้งเป้ารายได้แตะ 18,500 ล้านบาท และส่วนของยอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) คาดว่าจะอยู่ที่ 830,000 ตัน แบ่งเป็น ในประเทศ 795,000 ตัน และส่งออกไปต่างประเทศ 35,000 ตัน ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงราคาขายก๊าซ LPG ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก

โดยแนวโน้มการลงทุนในปี 2568 คาดว่า อุตสาหกรรมก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จะสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากก๊าซ LPG ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อในชีวิตประจำวัน และบริษัทฯมีแผนมุ่งสู่ Green Energy โดยเตรียมงบลงทุนด้านโซลาร์รูฟท็อปภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recuring Income) ช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นขยายการลงทุนตามงบประมาณที่ตั้งไว้ 300 ล้านบาท แบ่งเป็น รองรับแผนขยายจุดกระจายสินค้า จำนวน 5 แห่ง มูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 177 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และรองรับความต้องการของผู้บริโภค การลงทุนในธุรกิจ Green Energy จำนวน 80 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเซ็นสัญญาติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มอีก 5 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมี 11 เมกะวัตต์ ซึ่งล่าสุดในเดือนพ.ค.นี้ สามารถดำเนินการได้แล้ว 4 เมกะวัตต์ ดังนั้นทั้งปีนี้จะเป็รไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนเงินลงทุนที่เหลืออีก 70 ล้านบาท จะใช้สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและต้นทุน

“การจะเพิ่มกำไรขั้นต้น(Gross Profit) ให้ดีขึ้นนั้น จะเห็นว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาทำได้ดี เพราะมีการส่งออกไปญี่ปุ่น แต่การจะเพิ่มมาร์จิ้นได้มากนั้นความเพิ่มจากธุรกิจในประเทศจะกดีกว่า ซึ่งการจะเพิ่ม Gross Profit สามาถดำเนินการได้ด้วยการบริหารจัดการต้นทุน ทั้งการขายและการขนส่ง รวมไปถึงการเพิ่มโอกาสในการลงทุนธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ก็จะเป็นส่วนที่เข้ามาเพิ่มมาร์จิ้นได้

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง) มีมติให้คงราคาขายส่งก๊าซ LPG หน้าโรงกลั่นที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีกรอบเป้าหมายให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 นั้น หากมาตรการตรึงราคาสิ้นสุดลง หรือไม่มีการตรึงราคาต่อจะส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างไรนั้น ทางบริษัท ถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเทรดดิ้ง คือ ซื้อมาขายไป ฉะนั้นการปรับราคาขายจึงเป็นไปตามต้นทุน แต่จะมีในส่วนของสต็อกในคลัง ซึ่งหากภาครัฐไม่มีนโยบายตรึงราคาต่อและราคาLPG เพิ่มขึ้นก็อาจทำให้บริษัทมีกำไรจากส่วนนี้เพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาที่ปรับขึ้นได้