ผู้ชมทั้งหมด 796
“พลังงาน” เปิดรับฟังความเห็น ร่าง PDP 2024 และ ร่าง Gas Plan 2024 ครั้งที่ 2 มีภาคเอกชนสนใจเข้าร่วมกว่า 250 คน ย้ำเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ลดการใช้ก๊าซฯ หนุนใช้พลังงานรูปแบบใหม่ไฮโดรเจน และนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ยึดหลักเกณฑ์ 3 ด้าน ความมั่นคงไฟฟ้าประเทศ ราคาเหมาะสม และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน เปิดรับฟังความเห็น “ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024)” และ “ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024)” ครั้งที่ 2 วันที่ 13 มิ.ย. 2567 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพ ห้องแกรนด์บอลรูม มีกลุ่มภาคเอกชน และมีผู้สนใจ เข้าร่วมรับฟังความเห็นกว่า 250 คน อาทิ ตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน, สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI), มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม, กลุ่มโรงไฟฟ้าชีวมวล, กลุ่มก๊าซชีวภาพไทย, สมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100) และตัวแทนจากบริษัทด้านพลังงานต่างๆ
สำหรับประเด็นที่มีข้อซักถาม ต่อร่างแผน PDP 2024 และร่างแผน Gas Plan 2024 ได้แก่ การกำหนดสัดส่วนการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และภาคเอกชน ที่ยังไม่มีความชัดเจน, การกำหนดอัตราเฉลี่ยค่าไฟฟ้าที่สูงเกินไป และต้องการให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเหลือแค่ 3.50 บาทต่อหน่วย, การกำหนดปริมาณลดการใช้ไฟฟ้าภาคสมัครใจ (Demand response) ต่ำเกินไป, การจัดทำ PDP 2024 ใช้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงเกินไป ซึ่งส่งผลต่อการคำนวณจำนวนโรงไฟฟ้าที่มากขึ้นและทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้น และต้องการเห็นแผนงานรายละเอียดของการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เป็นต้น
นายสาร์รัฐ ประกอบชาติ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จึงได้ชี้แจงต่อข้อสงสัยต่างๆ ดังนี้ โดยระบุว่า ร่างแผน PDP 2024 จะส่งผลให้สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. จากปัจจุบันอยู่ที่ 29% ลดลงเหลือ 17% หรือประมาณ 19,000 เมกะวัตต์ ในช่วงปลายแผนปี 2580 ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตไฟฟ้าของภาคเอกชนและนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ได้กำหนดรายละเอียดชัดเจนว่าจะจัดสรรอย่างไร
ส่วนกรณีที่ร่างแผน PDP 2024 กำหนดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพิ่มขึ้นจาก 36% เป็น 51% หรือจำนวน 34,851 เมกะวัตต์ โดยลดสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติลงจาก 51% เหลือ 40% ได้พิจารณาทั้งมิติของความมั่นคงไฟฟ้า ราคาค่าไฟฟ้าและการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ที่ต้องสมดุลกัน
ขณะที่การบริหารความเสี่ยงด้านราคา ได้ลดการนำเข้าก๊าซฯลง และใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเข้ามาทดแทน รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าจากต่างประเทศที่เน้นไฟฟ้าพลังน้ำ เนื่องจากต้นทุนไม่สูงเกินไป โดยการจัดหาไฟฟ้าต่างประเทศได้กำหนดสัดส่วนไว้ให้อยู่ระดับ 11-13% จากเดิมมีสัดส่วนถึง 15% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงในการพึ่งพาไฟฟ้าจากต่างประเทศมากเกินไป
สำหรับกรณีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยตลอดแผน PDP 2024 ที่ 3.8704 บาทต่อหน่วย ซึ่งภาคเอกชนมองว่าสูงเกินไปเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียที่ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.85 บาทต่อหน่วย ขณะที่เวียดนามอยู่ที่ 3.50 บาทต่อหน่วย และต้องการให้ไทยปรับอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเหลือ 3.50 บาทต่อหน่วย ยอมรับว่าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อัตราค่าไฟฟ้าไทยสูงกว่า แต่การจัดทำแผน PDP 2024 ต้องคำนึงถึงความมั่นคงไฟฟ้าระยะยาว รวมถึงการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่มากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาที่ไทยให้ไว้บนเวทีโลกด้วย โดยสนพ. จะรับข้อเสนอไปพิจารณาปรับปรุงในแผน PDP 2024 ต่อไป
ส่วนกรณีแผน PDP 2024 บรรจุเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสำหรับผสมในเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 5% ซึ่งลดลงจากในแผน PDP เดิมนั้น เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาค่าไฟฟ้าเกิน 4 บาทต่อหน่วย แต่หากในอนาคตหาไฮโดรเจนมีต้นทุนถูกลง ก็อาจปรับแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้มากขึ้นได้
รวมถึง การกำหนดปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) 600 เมกะวัตต์ ของปลายแผนฯ ปี 2580 นั้น ในปีนี้ ภาครัฐจะต้องเริ่มเตรียมพิจารณาด้านกฎระเบียบ กฎหมาย และเลือกพื้นที่ในการก่อสร้าง เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาเป็น 10 ปีกว่าจะสร้างได้
ด้านร่างแผน Gas Plan ได้เฉลี่ยราคา Pool Price ตลอดแผนไว้ที่ 280-310 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งการใช้ก๊าซฯ จะขึ้นอยู่กับการผลิตไฟฟ้าของแผน PDP 2024 เป็นหลัก ปัจจุบันไทยมีการจัดเก็บก๊าซฯ 19 ล้านตันต่อปีเพียงพอกับความต้องการใช้ แต่ในอนาคตจะไม่พอและต้องสร้างคลังเก็บก๊าซฯ เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับก๊าซฯ อีก 10.8 ล้านตันต่อปี