ผู้ชมทั้งหมด 658
กบน.เห็นชอบตรึงราคาขายปลีกดีเซล อยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร 1 สัปดาห์นี้ ขอประเมินสถานการณ์ราคาตลาดโลก และภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ห่วงกระทบประชาชน ด้าน สนพ.แย้มจ่อเสนอ กบง.ในเดือน พ.ค.นี้ พิจารณาลดเกรดดีเซล ต่ำกว่า บี5 ชี้หากเป็น บี3 จะกดราคาขายปลีกลง 25 สต.ต่อลิตร
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/Screenshot-2022-05-09-115855.png)
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้คงราคาน้ำมันดีเซลในสัปดาห์นี้ไว้ที่ 32 บาทต่อลิตรเช่นเดิม เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบด้านค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูง ราคาน้ำมันดีเซล (Gas Oil) วันที่ 6 พ.ค. 65 อยู่ที่ 160.65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
สำหรับการพิจารณาของ กบน.ดังกล่าว เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2565 เรื่อง 10 มาตรการลดค่าครองชีพประชาชน โดยให้ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.2565 หลังจากนั้นรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง โดย กบน.ได้พิจารณาปรับราคาน้ำมันดีเซลครั้งแรกมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2565 เป็นต้นมา โดยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร และจะทยอยปรับเพดานราคาลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันต่อไป
ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน (8 พ.ค.) ติดลบ 66,681 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 33,258 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 33,423 ล้านบาท
“สถานะกองทุนฯ ตอนนี้มีเงินสด 12,932 ล้านบาท ที่สามารถจ่ายชดเชยให้กับผู้ค้า มาตรา 7 ได้อยู่ ถือว่ายังมีสภาพคล่องที่จะช่วยตรึงราคาดีเซลไว้ได้ และรอเงินกู้เข้ามาเติมประมาณเดือนมิ.ย.นี้ ประกอบกับประเมินในเบื้องต้นว่า ในแถบยุโรปใกล้ผ่านพ้นฤดูหนาวน่าจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงและราคาน่าจะปรับลดลงได้ในระยะต่อไป”
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการตรึงราคาดีเซล ไว้ที่ 32 บาทต่อลิตร ราคาที่แท้จริงจะต้องปรับขึ้น 11.35 บาทต่อลิตร แต่ตามมติครม.ดังกล่าว ที่ให้ภาครัฐเข้าไปดูแลครึ่งหนึ่ง ก็เท่ากับราคาดีเซล ที่ประชาชนต้องจ่ายจะอยู่ที่ ประมาณ 38 บาทต่อลิตร
อีกครั้งการรายงานข้อมูลจากกรมธุรกิจพลังงาน พบว่า หากการปรับขึ้นราคาดีเซลไปแตะ 32 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ยอดการใช้ดีเซล ช่วงเดือนพ.ค.เหลือประมาณ 66 ล้านลิตรต่อวัน จากเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 70 ล้าลิตรต่อวัน แสดงให้เห็นว่าประชาชนเริ่มปรับตัวรับมือกับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคา ด้วยการประหยัดการใช้น้ำมัน ขณะที่ผู้ประกอบการขนส่งก็ได้เพิ่มการขนส่งต่อเที่ยวให้มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น
![](https://www.ten-news.com/wp-content/uploads/2022/05/Screenshot-2022-05-09-115756.png)
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า ในส่วนของค่าการตลาดน้ำมันดีเซลนั้น ทางภาครัฐได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ค้าน้ำมันให้ดูแลค่าการตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) ซึ่งตามสถานการณ์ปกติ ค่าการตลาดเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.80-2.00 บาทต่อลิตร แต่ปัจจุบันพบว่า ในบางวันค่าการตลาดต่ำมาก อยู่ที่ประมาณ 1.40 บาทต่อลิตร ขณะที่ค่าการตลาดเบนซิน ก็ไม่ได้สูงมากและอยู่มในระดับที่รับได้ โดยช่วงที่ผ่านมาค่าการตลาดเฉลี่ย ของดีเซลอยู่ที่ประมาณ 1.14 บาทต่อลิตร และเบนซิน อยู่ที่ 1.96 บาทต่อลิตร
ส่วนการปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซล(บี100) ในน้ำมันดีเซล จากปัจจุบันกำหนดผสม บี100 ในสัดส่วน 5% หรือ บี 5 นั้น ทางกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการปรับลดสัดส่วนการผสมลง เพื่อกดราคาดีเซลให้ถูกลง เนื่องจากปัจจุบันราคาบี100 ปรับสูงขึ้นมาก เกือบแตะ 60 บาทต่อลิตร ฉะนั้น หากปรับลดสัดส่วนการผสมเหลือ3% หรือ บี 3 ก็คาดว่า จะกดราคาขายปลีดดีเซล ลงได้ 50 สตางค์ต่อลิตร
“วันนี้ ราคาบี5 หน้าโรงกลั่นอยู่ที่ 36 บาทต่อลิตร และหากเป็นบี 3 จะอยู่ที่ 35.50 บาทต่อลิตร ก็เท่ากับราคาถูกลงประมาณ 25 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งเป็นสมมติฐานเท่านั้น การจะปรับลดสัดส่วนผสมหรือไม่จะต้องเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)พิจารณา ภายในเดือนพ.ค.นี้ เนื่องจากมาตรการลดสัดส่วนการผสมอยู่ที่ บี5 จะสิ้นสุดในเดือนพ.ค.นี้”