กบน.จ่อดึงเงินกองทุนน้ำมันฯพยุงราคากลุ่มเบนซิน หากสิ้นสุดมาตรการลดภาษีฯ

ผู้ชมทั้งหมด 6,440 

กบน. เตรียมประชุมสัปดาห์นี้ จ่อดึงเงินกองทุนน้ำมันฯ พยุงราคากลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ไม่ให้ปรับขึ้นเกิน 1 บาทต่อลิตร หากกระทรวงการคลังไม่ต่อมาตรการลดเก็บภาษี 1 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุด 31 ม.ค. 2567 หวังกระทบผู้ใช้น้ำมัน

ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ มาตรการลดภาษีน้ำมันกลุ่มเบนซิน จะสิ้นสุดลง หลังมาตรการดังกล่าว เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 7 พ.ย. 2566 โดยได้ลดภาษีน้ำมันกลุ่มเบนซิน 0.15-1 บาทต่อลิตร ตามสัดส่วนเนื้อน้ำมันเบนซินที่ผสม ได้แก่ E10 (น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91,95 ) ภาษีจัดเก็บลดลง 90 สตางค์ต่อลิตร , น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร , E85 ลดลง 15 สตางค์ต่อลิตร และเบนซินออกเทน 95 ลดลง 1 บาทต่อลิตร จากปกติจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 6.50 บาทต่อลิตร 

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาการนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ไปพยุงราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ในกรณีหากกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุมาตรการดังกล่าว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินไม่ให้ปรับขึ้นเกิน 1 บาทต่อลิตร โดยอาจจะทยอยปรับขึ้นเพียง 50-80 สตางค์ต่อลิตร

“การจะนำเงินกองทุนฯ เข้ามาช่วยพยุงราคาเบนซิน กรณีไม่ต่อภาษีฯ ก็อาจต้องปรับลดการจัดเงินส่งเข้ากองทุนฯ จากผู้ค้าน้ำมันลง ซึ่งก็จะส่งผลให้กองทุนฯ มีรายรับลดลงจากปัจจุบันมีรายรับกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ รวม 72.67 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ภาพรวมกองทุนฯ ยังประสบปัญหาเงินไหลออก 164 ล้านบาทต่อวัน จากบัญชีน้ำมันไหลออก 158 ล้านบาทต่อวัน และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ไหลออก 6.50 ล้านบาทต่อวัน”

ปัจจุบัน กองทุนน้ำมันฯ เรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมัน เบนซินอยู่ที่ 9.38 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์95 เรียกเก็บ 2.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เรียกเก็บ 1.45 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เรียกเก็บ 0.81 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซออล์ E85 เรียกเก็บ 0.16 บาทต่อลิตร

สำหรับสถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 21 ม.ค. 2567 ยังติดลบอยู่ที่ 83,020 ล้านบาท แบ่งเป็นในส่วนของบัญชีน้ำมันติดลบรวม 36,594 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบรวม 46,426 ล้านบาท