กรมธุรกิจฯ หนุนใช้ระบบขนส่งน้ำมันทางท่อลดต้นทุนเชื้อเพลิง

ผู้ชมทั้งหมด 3,488 

กรมธุรกิจพลังงาน ส่งเสริมระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ หวังช่วยลดการใช้พลังงานในภาพรวม  ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ลดฝุ่นควัน PM 2.5 รักษาเสถียรภาพราคาพลังงานให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งประเทศ

นายวุฒิทัต ตันติเวสส รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ ของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด วันนี้ (18 ก.ค. 2566) ว่า โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือเป็นโครงการซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) ที่ให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมันและเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากรถขนส่งน้ำมัน ลดมลพิษและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“น่ายินดีอย่างยิ่งที่โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนืออันเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งพลังงานของประเทศที่สำคัญนี้ ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานจะส่งเสริมให้การขนส่งน้ำมันทางท่อเป็นระบบขนส่งน้ำมันหลักของประเทศ”

โดยศึกษาความเป็นไปได้ของรูปแบบการเชื่อมท่อขนส่งน้ำมันให้เป็นโครงข่าย ศึกษารูปแบบบริหารจัดการระบบท่อแบบ Single Operator ตลอดจนโอกาสและความเป็นไปได้ในการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและจำหน่ายน้ำมันไปยังประเทศ CLMV ต่อไป

หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) กล่าวว่า บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ภายใต้การดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท BAFS ให้บริการขนส่งน้ำมันผ่านทางระบบท่อ ด้วยมาตรฐานและเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ โดยให้ความสำคัญต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ตามวิสัยทัศน์ “เติมเต็มโลก ด้วยธุรกิจที่ยั่งยืน” โดยระบบขนส่งน้ำมันทางท่อดังกล่าวเป็นการขนส่งน้ำมันด้วยไฟฟ้า จึงช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เมื่อเทียบกับการขนส่งน้ำมันทางบก

ทั้งนี้ การให้บริการน้ำมันผ่านระบบท่อของ FPT ตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการ (ปี 2562) จนถึงปัจจุบัน ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปแล้วกว่า 54,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ถึง 5,684,200 ต้น ทั้งยังช่วยลดการเกิดฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 และช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกอีกด้วย

นอกจากนี้ เป็นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญในด้านการเก็บสำรองน้ำมันและรองรับการเจริญเติบโตของภาคเหนือ และเป็นจุดจ่ายน้ำมันที่สำคัญไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้การส่งออกน้ำมันจากไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านมีความสะดวก รวดเร็ว