ผู้ชมทั้งหมด 684
“กระทรวงพลังงาน” พร้อมเป็นแกนนำเจรจาพื้นที่ OCA “พีระพันธุ์” เสนอแยกเจรจาเฉพาะประเด็นผลประโยชน์ด้านพลังงาน ชี้เป็นแนวทางสู่ความสำเร็จ พร้อมเสนอจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนไทย-กัมพูชา เข้าไปดำเนินการ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า กล่าวถึงแนวทางการเจรจาพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (Overlapping Claimed Area-OCA) ว่า กระทรวงพลังงาน โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต้องเสนอเป็นผู้นำในการเจรจาเฉพาะประเด็นด้านพลังงาน โดยจะต้องแยกออกจากเรื่องของเส้นเขตแดน ซึ่งหากการเจรจาเฉพาะเรื่องการใช้ประโยชน์ และพัฒนาด้านพลังงานปิโตเลียมร่วมกัน และให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้นำในการเจรจาเชื่อว่าจะทำให้การเจรจาสำเร็จ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องปรับแนวทางการเจรจากับทางกัมพูชา โดยการเจรจาจะต้องเดินหน้าเฉพาะเรื่องของการเข้าไปใช้ประโยชน์ทางด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ที่ไม่เกี่ยวกับการแบ่งเขตแดน เพื่อหาแนวทางร่วมกันพัฒนาพื้นที่ OCA ใช้ประโยชน์จากแหล่งก๊าซธรรมชาติ โดยรูปแบบการเจรจาจะต้องตั้งองค์กรหรือบริษัทร่วมกันทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาเข้าไปมีหุ้นส่วน และจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้การเจรจาจะต้องเปิดโอกาสให้ภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมในการเจรจาด้วย โดยเฉพาะภาคเอกชนที่เชี่ยวชาญด้านพลังงาน และจะต้องเจรจาเฉพาะเรื่องพลังงาน แยกเรื่องของเส้นเขตแดนออก เพราะการนำเรื่องเขตแดนเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ต้องมีบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งๆที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องพลังงาน ที่สำคัญการนำเรื่องแบ่งเขตแดนไปผูกติดกับการใช้ประโยชน์เรื่องพลังงานที่อยู่ใต้ดินจะไม่มีทางประสบความสำเร็จ
“สิ่งที่ไทยต้องการใน OCA คือเรื่องพลังงาน ไม่ใช่การแบ่งเขตแดน การหยิบเรื่องเส้นเขตแดนขึ้นมาเจรจากันจะไม่มีวันได้ข้อสรุป เนื่องจากไม่มีประเทศไหนจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการโต้แย้งกัน เพราะแนวเขตแดนของไทยกับที่เขาอ้างอิงถูกกฎหมายด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่เป็นกฎหมายที่เกิดคนละช่วงเวลาจึงไม่สามารถบอกกันได้เด็ดขาดว่าใครถูกหรือใครผิด ดังนั้นเมื่อยังบอกไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด แล้วจะเอาเรื่องของการแบ่งเขตแดนมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาเรื่องพลังงานที่อยู่ใต้ดินจึงไม่มีทางจะคุยกันได้” นายพีระพันธุ์ กล่าว