กลุ่มบ้านปู ปีนี้คาดใช้งบ 900 ล้านเหรียญ เล็งปิดดีลโรงไฟฟ้าก๊าซฯ 1,600 MW ลุยลงทุนพลังงานสะอาด

ผู้ชมทั้งหมด 378 

กลุ่มบ้านปู คาดปีนี้ใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐ เล็งปิดดีลโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐอเมริกา 2 โครงการ 1,600 เมกะวัตต์ พร้อมลุยลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีพลังงาน หนุนการเติบโตต่อเนื่อง

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU กล่าวว่า  ในปี 2566 กลุ่มบ้านปูคาดว่าจะใช้เงินลงทุนใกล้เคียงกับปี 2565 ราว 900 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในส่วน 60% จะมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานหมุยเวียน เทคโนโลยีพลังงาน และอื่นที่เชื่อมโยงกับพลังงาน ส่วนอีก 40% เป็นการลงทุนใน Gas – based เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ในปัจจุบัน บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP อยู่ระหว่างการศึกษาซื้อกินการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ อยู่ 2 โครงการ ซึ่งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมในสหรัฐฯ ในแต่ละโครงการมีขนาดกำลังการผลิตประมาณ 800 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตราว 1,600 เมกะวัตต์ โดยในปีนี้คาดว่าจะเห็นความชัดเจนการซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมในสหรัฐฯ อย่างน้อย 1 โครงการ อย่างไรก็ตามในปีนี้ก็คาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่ที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) อย่างน้อย 800-1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมที่มีอยู่ในมือราว 4,2ุ64 เมกะวัตต์

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากปี 2565 ที่ทำรายได้และกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษทมา 40 ปี โดยในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 1,162 ล้านเหรียญสหรัฐ (40,518 ล้านบาท) และมีรายได้ 7,693 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยปัจจัยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มบ้านปู ไม่ว่าจะเป็นกำลังการผลิตถ่านหิน โดยในปี 2566 ตั้งเป้าผลิตถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย 22.5 ล้านตัน ในส่วนนี้ดำเนินการขายล่วงหน้าไปแล้ว 20% ขายตามราคาตลาด 45% ส่วนอีก 35% ยังไม่ได้กำหนดราคาขาย ในออสเตรเลียตั้งเป้ากำลังการผลิต 8.8 ล้านตัน ในจีน 10.7 ล้านตัน รวมกำลังการผลิต 42 ล้านตัน

ส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 800-900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คาดว่าจะมียอดขายในระดับ 280 พันล้านลูกบาศฟุต และคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าของ BPP ที่คาดว่าจะปิดดีลโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามา 800-1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ทันที นอกจากนี้ก็จะเป็นการเติบโตของธุรกิจของบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ที่มีการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้มีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ขณะเดียวกันกลุ่มบ้านปู ก็ต้องพยายามบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการผันผวนของราคาพลังงาน และต้องรับษาประสิทธิภาพการผลิตให้ดี

อย่างไรปัจจัยของการเติบโตของกลุ่มบ้านปูหากจะถามว่าจะทำรายได้สูงกว่าปี 2565 หรือไม่นั้นก็ต้องไปดูเรื่องปัจจัยภายนอกด้วย โดยเฉพาะราคาถ่านหินในตลาดโลก ราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งหากมีราคาเฉลี่ยในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2565 ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบ้านปู ก็มีโอกาสที่จะทำได้ใกล้เคียงกับปี 2565 ที่ทำรายได้และกำไรสูงสุด