ก.คมนาคมโชว์ผลงาน1ปีเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ผู้ชมทั้งหมด 2,483 


กระทรวงคมนาคมแถลงผลงานรอบ 1 ปี เร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการด้านคมนาคม เชื่อมโยงเส้นทางสู่ทุกภูมิภาค เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน มุ่งสู่การคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แถลงผลการดำเนินงาน 1 ปี ว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบนโยบายเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการด้านคมนาคม เชื่อมโยงเส้นทางสู่ทุกภูมิภาค เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน โดยมี 8 นโยบายสำคัญ จำนวน 21 เรื่องดังนี้ นโยบายที่ 1 นโยบายเร่งด่วน จำนวน 4 เรื่อง 

1. เร่งรัดแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้าที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 และ2. แก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่เกิดจากรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ เรือโดยสาร พร้อมตรวจสอบสภาพและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด 3. ปรับเวลาเดินรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงเวลาหลัง 24.00 น. ถึง 04.00 น. เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรและการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุบัน 4. กำหนดอัตราความเร็วรถบนถนน 4 ช่องทางจราจรขึ้นไปให้ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัวยิ่งขึ้น

นโยบายที่ 2 การสร้างทางเลือกใหม่ จำนวน 2 เรื่อง 

1. ศึกษารูปแบบ เงื่อนไขการอนุญาตบริการรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชัน TAXI เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้ประชาชน 2. ศึกษาและกำหนดแนวทาง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ (TAXI) เรื่อง กำหนดอัตราค่าบริการอื่น ๆ เพิ่มเติม และยืดอายุการใช้งานของรถแท็กซี่จาก 9 ปี เป็น 12 ปี

นโยบายที่ 3 การพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จำนวน 2 เรื่อง 

1. ศึกษา และจัดทำแผนการใช้บัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบด้วยตั๋วร่วม ให้สามารถ

ใช้ร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรม 2. ศึกษา และจัดทำแผนแก้ปัญหาด่านเก็บค่าผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น ด้วยเทคโนโลยีM-Flow เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง

นโยบายที่ 4 การลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน จำนวน 3 เรื่อง 1. พัฒนาการบริการรถโดยสารประจำทางขสมก. และรถร่วมเป็นรถปรับอากาศ และจัดเก็บค่าโดยสารเป็นระบบ E-Ticket พร้อมเชื่อมโยงกับระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ในอนาคต 2. ศึกษาแนวทางการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า ทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์

3. ศึกษาแนวทางการปรับลดค่าผ่านทางพิเศษทุกประเภท ทั้งทางพิเศษ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และโทลล์เวย์ด้วยการจำหน่ายคูปองค่าผ่านทางถูกกว่าราคาเต็ม 5 – 10 บาท โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญากับเอกชน

นโยบายที่ 5 การพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางราง จำนวน 3 เรื่อง 1. พัฒนารถไฟทางคู่ เพิ่มสัดส่วนการขนส่งด้วยระบบรางเป็น 30% ภายในเวลา 3 ปี เพื่อให้เป็นระบบโลจิสติกส์หลักในการขนส่งสินค้า         

2. สนับสนุนภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการเดินรถ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และลดภาระขององค์กร 3. ศึกษาวิจัย และพัฒนาการใช้ประโยชน์จากรางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้สามารถใช้ประโยชน์สูงสุด ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นโยบายที่ 6 การพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำ จำนวน 2 เรื่อง 1. พัฒนาการขนส่งทางน้ำให้เป็นการเดินทางและการขนส่งทางเลือก ให้สามารถเชื่อมโยงกับการขนส่งระบบอื่น ทั้งล้อ ราง เรือ ได้อย่างสะดวก พร้อมทั้งยกระดับท่าเรือโดยสารให้มีความสะดวกปลอดภัย รองรับคนทุกเพศทุกวัย 2. พัฒนาการขนส่งสินค้าทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพ เพื่อลดจำนวนรถบรรทุกจากภาคใต้ที่เข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

นโยบายที่ 7 การพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศ จำนวน 2 เรื่อง 1. เพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูมิภาค ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านคนต่อปี 2. สนับสนุนสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airlines) ให้สามารถบริการประชาชนในภูมิภาคเพิ่มขึ้น พร้อมกำกับดูแลเพื่อยกระดับคุณภาพบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

นโยบายที่ 8 การจัดทำโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคมให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจต่อเนื่อง จำนวน 3 เรื่อง 1. นำหลักการ Thai First คือ “ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน” มาใช้พิจารณาจัดทำโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคม เพื่อให้เกิดการสร้างงาน และกระจายรายได้อย่างต่อเนื่อง

2. ใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากยางพาราในโครงการด้านคมนาคมเพื่อช่วยยกระดับราคายางพารา และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรโดยตรงกว่า 3 หมื่นล้านบาท 3. ส่งเสริมให้ท่าอากาศยานภูมิภาคเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิตและกระจายสินค้าเกษตร หรือสินค้าเน่าเสียง่ายออกสู่ตลาด โดยนำร่องใน 3 ท่าอากาศยานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถจำหน่ายผลผลิตได้มากขึ้น ได้แก่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี อุดรธานี และอุบลราชธานี

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ยังได้ติดตามเร่งรัดการดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ให้คืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งริเริ่มโครงการใหม่ ๆ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ เพื่อให้โครงข่ายคมนาคมขนส่งทั่วประเทศมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนี้ 1. เร่งรัดพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 5 เส้นทางเชื่อมโยงทุกภูมิภาค ได้แก่ สายพัทยา – มาบตาพุด, สายบางปะอิน – นครราชสีมา, สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี, สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว, สายนครปฐม – ชะอำ, ช่วงที่ 1 นครปฐม – เพชรบุรี,

2. เร่งรัดพัฒนาทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอก เพื่อแบ่งเบาปัญหาการจราจร ขยายโครงข่ายทางพิเศษรองรับการเดินทางระหว่างพื้นที่ชั้นนอกและชั้นในกรุงเทพฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. เปิดให้บริการถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ ระยะที่ 1 สนับสนุนการท่องเที่ยว Thailand Riviera  

4. พัฒนาศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า จังหวัดเชียงราย และศูนย์การขนส่งชายแดน จังหวัดนครพนม เพื่อเพิ่มการค้าการลงทุนในพื้นที่โครงการ

มิติคมนาคมทางราง ไม่ว่าจะเป็น เร่งรัดพัฒนาระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเปิดให้บริการรวมระยะทาง 170.38 กิโลเมตร พร้อมทั้งขับเคลื่อนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 6 โครงการ ระยะทาง 156.36 กิโลเมตร เร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต และบางซื่อ – ตลิ่งชัน ให้สามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2564

การพัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศ ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 993 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 สายทาง คือ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น และช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย ส่วนที่เหลืออีก 5 สายทางอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในปี 2566 – 2567 รวมทั้งเร่งพัฒนาทางรถไฟสายใหม่ อีก2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และเส้นทางบ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม เพื่อให้โครงข่ายรถไฟครอบคลุมเพิ่มขึ้นเป็น 53 จังหวัด 

การพลิกโฉมรถไฟไทยและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 สายทาง ได้แก่ “รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน” เปิดพื้นที่การพัฒนาจากกรุงเทพฯ สู่พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ระยะทาง 220 กิโลเมตร 9 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2570 และ “รถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา” ระยะทางรวม 252.3 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2568 และส่วนต่อขยายระยะที่ 2  นครราชสีมา – หนองคาย ขณะนี้อยู่ในช่วงออกแบบรายละเอียด คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 และแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2572 นอกจากนี้ยังเร่งรัดการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อศูนย์กลางระบบรางยุคใหม่ของไทย และเป็นสถานีรถไฟขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในอาเซียน ให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2564

พร้อมกันนี้ยังได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับขนส่งทางน้ำของไทย เพื่อสนับสนุนภาคเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ให้เป็นท่าเรือชั้นนำระดับโลก เปิดประตูการค้าจากไทยไปสู่กลุ่มประเทศ CLMV และจีนตอนใต้ การพัฒนาเรือยนต์ไฟฟ้าและท่าเรืออัจฉริยะ Smart Pier เพื่อส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ยกระดับท่าเรือให้ทันสมัย สะดวกปลอดภัย ไร้มลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานทางอากาศยังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางอากาศ โดยเร่งพัฒนาท่าอากาศยาน5 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานแม่สอด บุรีรัมย์ กระบี่ ตรัง และนครศรีธรรมราช รองรับการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวและธุรกิจ พร้อมเตรียมเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง ในปี 2564 เปิดประตูเศรษฐกิจและการค้าชายแดนใต้ รองรับผู้โดยสาร 869,000 คนต่อปี รวมถึงกำกับดูแลการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ให้มีความปลอดภัยสูงสุด ตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO