ครม. ไฟเขียว งบกลางกว่า 1.1 หมื่นลบ.ช่วยลดค่าไฟ งวดพ.ค.-ส.ค. 66

ผู้ชมทั้งหมด 15,968 

มติครม. เห็นชอบใช้งบกลางประมาณ 11,112 ล้านบาท ช่วยลดค่าไฟ งวดพ.ค.-ส.ค. 66 พร้อมเตรียมชงขอ กกต.ไฟเขียวก่อนดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 25 เม.ย.2566 เห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยใช้งบประมาณราว 11,112 ล้านบาท เข้าไปอุดหนุน และเตรียมเสนอเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาให้เห็นชอบการใช้งบประมาณดังกล่าว

ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ 1. การช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มเปราะบาง ระยะเวลา 4 เดือน (พ.ค.-ส.ค. 66) โดยมีแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ในการให้ส่วนลดแบบขั้นบันได แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ

โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราส่วนลดเดียวกันกับช่วงเดือน ม.ค. – เม.ย.66 

          – ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้า ตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์ต่อหน่วย

          – ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 67.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่า Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์ต่อหน่วย)

คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 18.36 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 7,602 ล้านบาท สำหรับงวดเดือนพ.ค. – ส.ค.66 (4 เดือน) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

“แนวทางช่วยเหลือกลุ่มนี้ เป็นมาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงานที่ได้ดำเนินการอยู่ในช่วงเดือนม.ค. – เม.ย. 66  ในการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มเปราะบาง เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงสถานการณ์ราคาพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป  แม้ราคาพลังงานโลกเริ่มมีการปรับตัวลดลงจากช่วงปี 2565”

2. มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน เฉพาะรอบบิลเดือน พ.ค.66 โดยให้ส่วนลดแก่ผู้ใช้ฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้า และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 150 บาทต่อราย โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในรอบบิลเดือนพ.ค.66 ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มีสถิติความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศและจะเริ่มลดลงในเดือนมิ.ย.       

“มาตรการนี้ เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในส่วนของค่าไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 6%”

นอกจากนี้ เพื่อเป็นลดภาระของประชาชนซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน  500 หน่วยต่อเดือน จำนวน 23.40 ล้านราย โดยจัใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ ครม.มีมติเห็นชอบการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว จะได้เร่งส่งความเห็น และมติครม.นี้ ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการใช้งบประมาณต่อไป เนื่องจากปัจจุบันอยู่ในห้วงการยุบสภา ครม.จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะได้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา ให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) กำหนด