จับสัญญาณผู้โดยสารสนามบินฟื้นตัว หลังเปิดประเทศ

ผู้ชมทั้งหมด 1,109 

สัญญาณการเดินทางท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ 1 พฤศจิกายนนี้ การฉีดวัคซีนก็รุกหน้ามากขึ้นเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว ขณะที่ระบบขนส่งก็มีความพร้อมที่รองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (ทอท.) เปิดเผยว่า AOT ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานในความรับผิดชอบ 6 แห่ง ประกอบด้วยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ,ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย, การเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 AOT มีความพร้อมให้บริการอย่างเต็มความสามารถ

โดยได้นำนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองการเดินทางแบบชีวิตวิถีใหม่ (Transport New Normal) มาให้บริการผู้โดยสาร รวมทั้งได้จัดให้พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ปฏิบัติงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการรู้สึกปลอดภัยเมื่อมาใช้บริการสนามบิน พร้อมกันนี้ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งได้จัดการฝึกซ้อมแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร เป็นต้น โดยการจำลองขั้นตอนการปฏิบัติทั้งในส่วนของกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการสนามบิน 

พร้อมกันนี้ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อลดการสัมผัส อาทิ เครื่องคีออส (KIOSK) สำหรับเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ 196 เครื่อง และเครื่องคีออสรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 42 เครื่อง ซึ่งติดตั้งกระจายอยู่บริเวณแถวเช็กอินตั้งแต่ Row B ถึง Row U ชั้น 4 อาคารผู้โดยสาร ทสภ. และในอนาคตมีแผนนำระบบจดจำใบหน้า (ไบโอเมทริกซ์) มาใช้ตรวจสอบตัวตนผู้โดยสารด้วย ขณะเดียวกันในเดือน พฤศจิกายนจะเปิดให้ใช้แอพพลิเคชั่น SAWASDEE by AOT ซึ่งจะมีระบบการทำงานที่หลากหลาย ช่วยอำนวยความสะดวกในงานบริการต่างๆ ให้ผู้โดยสาร 

ทั้งนี้ในช่วงเดือน พฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะมีสายการบินแจ้งทำการบินเที่ยวบินพาณิชย์มาประมาณ 440 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินภายในประเทศ 230 เที่ยวบิน เที่ยวบินระหว่างประเทศ 110 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขนส่งสินค้า 100 เที่ยวบิน และคาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 30,000 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารภายในประเทศ 23,000 คน และระหว่างประเทศ 7,000 คน 

อย่างไรก็ตามผู้โดยสารคงยังไม่ได้กลับมาในทันที และมีจำนวนไม่มาก เพราะการจองตั๋วส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะจองล่วงหน้าใช้ระยะเวลาเป็นเดือน แต่หวังว่าจะกลับมามากขึ้นทันในช่วงเทศกาลปีใหม่ (ธ.ค.64-ม.ค.65) และคาดว่าปีงบประมาณ 65 (ต.ค.64-ก.ย.65) ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. จะมีผู้โดยสารรวมกว่า 60 ล้านคน ขณะที่ปีงบฯ 66 (ต.ค.65-ก.ย.66) ผู้โดยสารจะทยอยกลับมาสู่ปกติเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท. มีผู้โดยสารมาใช้บริการรวมประมาณ 142 ล้านคน 

นายนิตินัย กล่าวถึงทิศทางอุตสาหกรรมการบินว่า หลังจากนี้อุตสาหกรรมการบินต้องจับตาดู 3 จุดหลัก ได้แก่ 1.เดือนพ.ย.64 ผู้ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการบิน ยังคงอยู่เหลือเท่าใด 2.เดือน ธ.ค.64 เป็นเดือนที่ต้องลุ้นมาก เพราะจำนวนผู้โดยสารน่าจะกลับมาเพิ่มขึ้น แต่คงไม่มากนัก เนื่องจากประเทศจีนยังไม่เปิดให้ประชากรเดินทางเข้าออกประเทศ จึงต้องลุ้นกันอีกครั้งในช่วงเดือน ก.ย.65 ที่จะมีการจัดเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศจีน ซึ่งคาดว่าตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค.65 จะเริ่มมีการเดินทาง และผู้โดยสารจะเพิ่มมากขึ้น และ 3.จุดคุ้มทุนของท่าอากาศยาน และสายการบิน ต้องรอดูว่าเมื่อผู้โดยสารจีนกลับมาแล้ว จะทำให้ผู้โดยสาร ทอท. กลับมาอย่างน้อย 50%  และสายการบินมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร 60-70% ขึ้นไป ได้หรือไม่