ปตท.คาด ปีนี้ไทยนำเข้า LNG แตะ 10 ล้านตัน ป้อนผลิตไฟฟ้า

ผู้ชมทั้งหมด 647 

ปตท.คาดความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศ ไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง หลังไตรมาส 1 เพิ่ม 5-6% ชี้ราคา LNG ถูกลงหนุนป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าเพิ่ม ประเมินปีนี้ไทย นำเข้า LNG แตะ 10 ล้านตัน  ขณะที่ราคาก๊าซฯ ยังเป็นขาขึ้นอีก 2-3 ปี พร้อมเร่งศึกษาแผนเก็บกัก LNG ช่วงจังหวะราคาถูกตามนโยบายกระทรวงพลังงาน คาดชัดเจน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ก่อนเข้าสู่หน้าหนาวดันความต้องการใช้พุ่ง  

นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในปีนี้ คาดว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน หลังช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่า ความต้องการใช้ก๊าซฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 4,420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หรือ เติบโตเพิ่มขึ้น 5-6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี2564 โดยความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น มาจากภาคการผลิตไฟฟ้า ที่มีความต้องการใช้ก๊าซฯ ป้อนเป็นเชื้อเพลิง อยู่ที่ 2,650 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ก็เริ่มกลับมาเดินเครื่องการผลิตมากขึ้นตามทิศทางการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่า ความต้องการใช้ก๊าซฯ จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 เนื่องจากสถานการณ์ราคา LNG ตลาดโลกปรับลดลง อยู่ที่ประมาณ  20 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากช่วงเดือนมี.ค.2565 ราคาปรับขึ้นไปสูงสุด ที่ระดับ 84-85 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ซึ่งหากเทียบกับการใช้น้ำมันเพื่อเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า ราคาLNG ในระดับดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่าและช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ ดังนั้น คาดว่า ความต้องการใช้ LNG เพื่อป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจะยังเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่า ทั้งปีนี้ ประเทศไทยจะมีความต้องการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) รวมอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านตัน ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นสัญญา LNG ระยะยาวของ ปตท. ประมาณ 5 ล้านตัน และอีก 5 ล้านตัน จะเป็น Spot LNG ที่นำเข้าโดย Shipper ซึ่งในส่วนของ Shipper ที่ปัจจุบันได้รับสิทธิ์ให้ดำเนินการนำเข้าจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) มี 2 รายหลักๆ คือ ปตท.และ กฟผ. โดยปีนี้ พบว่า มีการนำเข้า LNG แล้ว ประมาณ  6 ลำ แบ่งเป็น ปตท. นำเข้าประมาณ 3-4 ลำ และกฟผ.นำเข้า ประมาณ 2-3 นำ ซึ่ง กฟผ.ได้เริ่มการนำเข้าในปีนี้ ตั้งแต่เดือนเม.ย. 1-2 ลำ และนำเข้าเดือน พ.ค.นี้ ประมาณ 1-2 ลำ ขณะที่ช่วงต้นปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าโดย ปตท.

“ปตท.หรือระหว่างหารือกับ กกพ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อ LNG ช่วงราคาตลาดโลกอ่อนตัวลง มาเก็บกักไว้ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ที่ต้องการลดภาระต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยคาดว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนออกมาในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ทันก่อนเข้าสู่ฤดูหนาวในต่างประเทศที่จะผลักดันให้ความต้องการใช้ LNG เพิ่มขึ้นและกดดันให้ราคา LNG ปรับสูงขึ้นอีกครั้ง ฉะนั้น การล็อควอลุ่ม LNG ทั้งระยะสั้น และระยะกลางไว้ ในราคาที่รับได้ ก็จะเป็นประโยชน์ โดยจะต้องนำเสนอ กกพ.พิจารณาต่อไป”

อย่างไรก็ตาม ปตท.คาดว่า สัดส่วนการใช้ก๊าซฯ ที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ควรเป็นการจัดหาภายใต้สัญญาระยะยาว 70% และสัญญาระยะสั้น 30% จากก่อนหน้านี้ ในช่วงเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้สัดส่วนการใช้ก๊าซฯ ทั้งสัญญาระยะยาวและระยะสั้นใกล้เคียงกัน อยู่ที่ 50:50

นายวุฒิกร กล่าวอีกว่า แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติ จะยังเป็นขาขึ้นไปอีก 2-3 ปี ตามผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ส่งผลต่อการส่งออกและความต้องการใช้ก๊าซฯ อย่างไรก็ตาม ปตท. ได้เตรียมความพร้อมรองรับการนำเข้า LNG เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยในส่วนของโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Receiving Terminal) แห่งที่ 2 จังหวัดระยอง [T-2] ระยะแรก จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในช่วงปลายเดือนมิ.ย.หรือ ต้น ก.ค.นี้ ซึ่งจะรองรับการนำเข้า LNG ได้ 2.5 ล้านตัน และสิ้นปีจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ พร้อมรองรับนำเข้า LNG ได้ถึง 7.5 ล้านตัน ทำให้รวมกับ Terminal แห่งที่ 1 ประเทศไทยจะมีศักยภาพรองรับ LNG ได้ถึง 19 ล้านตันต่อปี ส่วนการจองสิทธิ์เพื่อใช้บริการ Terminalแห่งที่ 2 นั้น จะต้องสอดรับกับการพิจารณาของ กกพ.ด้วย เพราะการนำเข้า LNG ของ Shipper แต่ละราย จะต้องผ่านการอนุมัติจาก กกพ.ก่อน  

ส่วนกรณีที่ภาครัฐมอบหมายให้ ปตท.พิจารณาขยายระยะเวลาชำระเงินค่าเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เพื่อบรรเทาภาระรายจ่ายให้กับ กฟผ.ในการแบ่งรับต้นทุนค่าไฟฟ้าไปก่อนนั้น ปตท.อยู่ระหว่างหารือกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งรายจ่ายของกฟผ.ในช่วงปีที่ผ่านมา พบว่า เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่ปีนี้ มูลค่าเพิ่มขึ้นตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น คาดว่า จะอยู่ที่ 12,000-13,000 ล้านบาทต่อเดือน