ปตท.สผ.ลุยลงทุนปี65 มั่นใจปริมาณการขายโตขึ้น

ผู้ชมทั้งหมด 990 

ปตท.สผ.มั่นใจปริมาณการขายปีนี้ เติบโตขึ้นจากปี64 แตะระดับ 4.67 แสนบาร์เรลต่อวัน เหตุรับรู้กำลังผลิตเพิ่มจากแหล่งใหม่ คาด โครงการยาดานา ในเมียนมาสรุปผู้ร่วมทุนชัดภายในมี.ค.นี้ หลังโททาลฯ ถอนตัว

นางสาวอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยในงาน Oppday Year End 2021 บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP โดยระบุว่า แผนการดำเนินงานปี 2565 คาดว่าปริมาณการขายยังเติบโตต่อเนื่อง จากกำลังการผลิตจากแหล่งใหม่ที่จะเข้ามามากขึ้น และราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง ส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ในปีนี้จะสูงขึ้นด้วย โดยบริษัทตั้งเป้าปริมาณการขายไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 4.36 แสนบาร์เรลต่อวัน และคาดทั้งปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.67 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 4.16 แสนบาร์เรลต่อวัน

ขณะที่ราคาขายก๊าซฯในช่วงไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 6 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และทั้งปีคาดอยู่ที่ 5.9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ส่วนต้นทุนต่อหน่วย อยู่ที่ 27-28 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ EBITDA อยู่ที่ 70-75%

ทั้งนี้ ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น จะมาจากการรับรู้ยอดขายเต็มปีของโครงการมาเลเซีย แปลงเอช และโครงการโอมาน แปลง 61 รวมถึงการเริ่มผลิตของโครงการG1/61(เอราวัณ) และ G2/61 (บงกช) ที่บริษัทได้เริ่มเข้าพื้นที่ในแหล่งเอราวัณตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต(PSC) แล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่แหล่งบงกช ยังสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และมีกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม เพื่อทดแทนก๊าซฯจากแหล่งเอราวัณในช่วงรอยต่อในวันที่ 24 เม.ย.นี้ ที่คาดว่าจะลดลงเหลือ 425 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ก่อนจะลดลงเหลือ 250-300 ล้านลูกบาศก์ฟุต่อวัน จากนั้นบริษัทคาดว่าจะใช้เวลา 24 เดือน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ด้วยการติดตั้งแท่นผลิตจำนวน 8 แท่น และเจาะหลุมมากกว่า 100 หลุม

ส่วนความคืบหน้า กรณีบริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ อีพี เมียนมา ได้ขอถอนตัวจากการเป็นผู้ร่วมทุนและผู้ดำเนินการ (Operator) ในโครงการยาดานา และในบริษัท Moattama Gas Transportation Company (MGTC) ซึ่งดำเนินธุรกิจท่อส่งก๊าซจากโครงการฯ ในประเทศเมียนมา และมีกระแสข่าวว่าทางบริษัทเชฟรอนฯ จะถอนตัวจากแหล่งยาดานาด้วยนั้น ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือถอนตัวอย่างเป็นทางการจากทางเชฟรอนแต่อย่างใด

โดยปัจจุบัน ทางผู้บริหารอยู่ระหว่างพิจารณาแผนการดำเนินงานในแหล่งยาดานา ภายหลังจากโททาลฯ ถอนตัวออกไป คาดว่าจะมีความชัดเจนแผนดำเนินงานภายในต้นเดือนหรือไม่เกินกลางเดือนมี.ค.นี้

สำหรับภาพรวมตลาดน้ำมันและก๊าซฯในปี 2565 คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้ 71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือวิ่งในกรอบ 65-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาก๊าซฯ เฉลี่ย 16 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู หรือวิ่งในกรอบ 10-30 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู นอกจากนี้ในด้านการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันในปีนี้ บริษัทได้ปรับแผนให้มีความเหมาะสม ซึ่งในปี 2564 ได้ทำไปแล้ว 15 ล้านบาร์เรล