ผู้ถือหุ้น “เอ็กโก กรุ๊ป” ไฟเขียวเสนอขายหุ้นกู้ ไม่เกิน 3 หมื่นลบ.

ผู้ชมทั้งหมด 699 

ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น “เอ็กโก กรุ๊ป” ไฟเขียวเสนอขายหุ้นกู้ วงเงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายการลงทุนตามแผน พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 2564 อัตราหุ้นละ 3.25 บาท รวมมูลค่า 1,711 ล้านบาท กำหนดจ่าย 27 เม.ย.65 ด้าน “เทพรัตน์” เผยเตรียมพิจารณาขายไฟป้อนธุรกิจขุดเหมืองคริปโตฯ หลังมีผู้ติดต่อขอซื้อหลายราย  

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานประธานกรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป (EGCO) เปิดเผยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 ของบริษัท เมื่อวันที่ 19 เม.ย.2565 โดยระบุว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้น เห็นชอบยกเลิกการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 20,000 ล้านบาท ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2549 และอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของ บริษัท โดยมีมูลค่ารวมของหุ้นกู้ไม่เกิน 30,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่า เพื่อการลงทุนในโครงการต่างๆ ของกลุ่มบริษัท และ/หรือเพื่อนําไปใช้ในการขยายธุรกิจของบริษัท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนใน บริษัท และ/หรือ เพื่อการชําระคืนเงินกู้ยืมของบริษัท และ/หรือ บริษัทย่อย โดยจะพิจารณาดำเนินการในจังหวะที่เหมะสมต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯ ยังเห็นชอบให้บริษัทพิจารณาจ่ายเงินปันผลสําหรับผลการดําเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท สําหรับหุ้นจํานวน 526,465,000 หุ้น เป็นจํานวนเงินรวม 1,711 ล้านบาท โดยมีกําหนดการ จ่ายในวันที่ 27 เมษายน 2565

ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าว เป็นไปตามที่ บริษัทได้พิจารณาผลการดําเนินงานประจําปี 2564 ซึ่งมีกําไรสุทธิตามงบการเงินรวม 4,104 ล้านบาท หรือ 7.80 บาทต่อหุ้น ลดลงจากปี 2563 จํานวน 4,629 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 53 และหากพิจารณาผลกําไรจากการดําเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตรา แลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทาง การเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) บริษัทมีกําไรจากการดําเนินงานประจําปี 2564 จํานวน 10,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จํานวน 1,480 ล้านบาท

รวมทั้งได้ พิจารณาแผนการลงทุนและกระแสเงินสดของบริษัทแล้ว เห็นสมควรจ่ายเงินปันผลจาก ผลประกอบการปี 2564 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 6.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 83 ของกําไรสุทธิจํานวน 4,104 ล้านบาท และคิดเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น จํานวน 3,422 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับปี 2563 ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสําหรับผลการ ดําเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท ไปแล้ว

นายกุลิศ กล่าวอีกว่า สำหรับผลกระทบจากต้นทุนราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นนั้น ถือเป็นผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครส ที่ส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงทุกชนิดทั้ง น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนของ เอ็กโก กรุ๊ป ที่มีโครงการโรงไฟฟ้าIPP ส่วนใหญ่จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ดังนั้น ต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจะส่งผ่านไปยังต้นทุนค่าไฟฟ้า ทำให้ในแง่ของบริษัทมีผลกระทบน้อยมาก และในบางช่วงที่ก๊าซธรรมชาติมีราคาแพงมาก บริษัทก็จะปรับเปลี่ยนไปใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงป้อนให้กับโรงไฟฟ้าในช่วงสั้นๆแทนตามนโยบายของกฟผ. เพื่อลดผลกระทบค่าไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซฯปัจจุบัน เริ่มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 25 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู จากสัปดาห์ก่อนราคาขึ้นไปแตะกว่า 30 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ขณะที่โรงไฟฟ้าของ เอ็กโก กรุ๊ป ส่วนใหญ่ยังมีอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) เฉลี่ยอยู่ที่ 18 ปี

ส่วนทิศทางการดำเนินงานของ เอ็กโก กรุ๊ป ในอนาคต จะมุ่งเน้นการลงทุนพลังงานสะอาด โดยมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี ค.ศ.2050 และกำหนดเป้าหมายใหม่ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ.2065 สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ ซึ่งนับจากนี้ไป เอ็กโก กรุ๊ป จะเน้นลงทุนพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์ฯ และลม โดยจะเห็นว่าในประเทศไทยเทคโนโลยีพลังงานลมพัฒนามากขึ้นและจะเห็นพลังงานที่มีศักยภาพมากขึ้น รวมถึงจะหาโอกาสลงทุนพลังงานขนาดเล็กประเภทVSPP เช่น ไบโอแมส และไบโอแก๊สต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เป็นการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้มากขึ้น

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป (EGCO) กล่าวว่า เอ็กโก กรุ๊ป ได้มีการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี เมื่อปี 2564 ผ่านการเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพ “เพียร์ พาวเวอร์” ซึ่งมีธุรกิจหลักเป็นแพลตฟอร์มกู้ยืมเงิน และหัวใจสำคัญคือมีการใช้บล็อกเชนเทคโนโลยีที่เริ่มต้นจากการซื้อขายบิตคอยน์ และปัจจุบันได้ลงทุนขุดบิตคอยน์ไปตั้งแต่ม.ค.-มี.ค.ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ขุดได้ 2 เหรียญแล้ว มูลค่าต่อเหรียญอยู่ที่ 47,000 ดอลลาร์ มีเครื่องขุดทั้งหมด 145 เครื่อง รวมถึงเรื่องของ เทคโนโลยีบล็อกเชน ก็จะมีการพัฒนาร่วมกับ“เพียร์ พาวเวอร์” ในเรื่องของแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงานในอนาคตด้วย  

นอกจากนี้ “เพียร์ พาวเวอร์” ยังมีการลงทุนขยายธุรกิจขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี และโรงไฟฟ้าของเอ็กโก กรุ๊ปเองก็มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมากที่จะเชิญชวนร่วมลงทุนหรือขายไฟให้กับธุรกิจที่ดำเนินการขุดเหมืองคริปโตเคอร์เรนซี อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าเอ็กโกฯ ส่วนใหญ่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวเต็มกำลังการผลิต แต่ก็ยังมีโรงไฟฟ้าบางส่วนที่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ ซึ่งก็อยู่ระหว่างพิจารณาความเป็นไปได้ในการขายไฟให้กับธุรกิจที่ขุดเหมือง

ส่วนการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่นั้น ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และตลาดจะมีความต้องการใช้มากขึ้น ซึ่งเอ็กโก กรุ๊ป ก็มีการเจรจาและมีลงนาม MOU กับพันธมิตรบางราย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกพันธมิตรและการพิจารณาการลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม

อีกทั้ง ทิศทางการลงทุนของ เอ็กโก กรุ๊ป ที่นอกจากจะโฟกัสเรื่องพลังงานสะอาดแล้วทั้งโซลาร์ฯและลมแล้ว ยังมองโอกาสลงทุนพลังงานรูปแบบใหม่ๆ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับพันธมิตร และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ศึกษาและพัฒนา “การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากไฮโดรเจน ด้วยเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงชนิดออกไซด์แบบแข็ง (SOFC) และเทคโนโลยีแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (SOEC)” ซึ่งนับเป็นเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคต ด้วยจุดเด่นด้านการติดตั้งที่ง่ายและยืดหยุ่น การผลิตไฟฟ้าที่สม่ำเสมอและเชื่อถือได้ รวมทั้งมีการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศและน้ำที่ต่ำมากจนเกือบจะเป็นศูนย์ จึงเป็นการปิดจุดอ่อนของการผลิตไฟฟ้าด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียนด้วย