ผู้ชมทั้งหมด 851
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่ได้สิทธิ์เป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565 – 2573 ระยะแรก (เฟส 1) รวมปริมาณรับซื้อไฟฟ้า 5,203 เมกะวัตต์ ซึ่ง กกพ. ได้พิจารณาเห็นชอบรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการคัดเลือกตามระเบียบ กกพ. สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 มีผู้ผ่านการพิจารณาคัดเลือก จำนวน 175 ราย ปริมาณเสนอขายรวม 4,852.26 เมกะวัตต์
โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าจะได้ประมาณ 28 โครงการ กำลังการผลิตรวมไม่ต่ำกว่า 2,200 – 2,800 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่เป็นพลังงานลม โดยยังไม่รวมโครงการที่ร่วมกับบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL
ขณะที่ GUNKUL ได้สิทธิ์ในการขายไฟฟ้าราว 17 โครงการ รวมกำลังการผลิต 832.7 เมกะวัตต์, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้ 9 โครงการรวมกำลังการผลิต 339.3 เมกะวัตต์, บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE ได้ 18 โครงการ กำลังการผลิตรวม 112 เมกะวัตต์, บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ได้ 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 12 เมกะวัตต์
ส่วนแหล่งข่าวจาก บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ระบุว่า บริษัท ยื่นข้อเสนอรวม 36 โครงการ แต่ได้สิทธิ์ขายไฟฟ้าประมาณ 7-8 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 100 เมกะวัตต์ 28-29 โครงการรอลุ้นการพิจารณาในเฟส 2 จำนวน 3,668.5 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่า กกพ. จะพิจารณารับซื้อไฟฟ้าประมาณเดือนพฤษภาคม 2566 โดย TSE คาดว่าจะได้รับสิทธิ์ขายไฟฟ้าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 200 เมกะวัตต์
ด้าน นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 ที่จะมีการรับซื้ออีก 3,668.5 เมกะวัตต์ นั้นจะพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากผู้ประกอบการที่ผ่านเข้ารอบในเฟส 1 แต่ยังไม่ถูกเลือกให้ได้รับสิทธิ์ในการขายไฟฟ้าก่อนเป็นอันดับแรก คาดว่าจะมีประมาณ 40 – 50% ของปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าในเฟส 2 ส่วนที่เหลือจะเปิดโอกาสให้รายใหม่ และรายที่อุทธรณ์ไม่ผ่านยื่นข้อเสนอเข้ามาแข่งขัน