“พลังงาน” เร่งวางมาตรการช่วยผู้มีรายได้น้อยลดภาระค่าไฟแพง

ผู้ชมทั้งหมด 781 

“กุลิศ” ยัน กระทรวงพลังงาน เร่งหามาตรการช่วงผู้มีรายได้น้อยลดภาระค่าไฟ แม้ค่าFt งวดสุดท้ายของปีนี้(ก.ย.-ธ.ค.65) จะต้องปรับขึ้นตามมติกกพ.แตะ 4.72 บาทต่อหน่วย ลั่น กรณีแหล่ง “ซอติก้า” หยุดจ่ายก๊าซฯมาไทย ไม่กระทบค่าไฟ หลัง ปตท.สผ.เร่งแผนผลิตก๊าซฯชดเชย

นายกุลิศ  สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)เลื่อนแถลงข่าวการพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือน ก.ย. –ธ.ค. 2565 เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2565 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น เบื้องต้น ในส่วนของค่าFt คงจะต้องเป็นไปตามมติ บอร์ด กกพ.  ที่จะปรับขึ้น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย  เนื่องจากทางกกพ.ก็ได้พิจารณาตามต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้นจากหลายปัจจัย

โดยการเลื่อนแถลงข่าวปรับอัตราค่าไฟFt ออกไปก่อน เข้าใจว่า ทาง กกพ.คำนึงถึงประเด็นหลักที่ นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงเรื่องผลกระทบกับประชาชน จึงต้องการรอความชัดเจนของภาครัฐที่จะกำหนดแนวทางช่วยลดผลกระทบให้กับภาคประชาชนที่ชัดเจนก่อน อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ  กำหนดแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย   

“กระทรวงพลังงาน กำลังหารือกับ กกพ. เพื่อวางมาตรการช่วยเหลือ ว่าจะมีลักษณะอย่างไรถึงจะเหมาะสม เพราะอัตราที่ปรับขึ้นค่อนข้างสูง รวมถึงการหาแนวทางแก้ปัญหาภาระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายฝผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่ได้เข้ามาช่วยอุดหนุนค่าไฟฟ้าด้วย  แต่ยังคงต้องหารูปแบบการช่วยเหลือว่าจะเป็นอย่างไร ใช้งบประมาณจากแหล่งไหน หรือ อาจจะอยู่ในรูปแบบเงินกู้”

ทั้งนี้ บอร์ด กกพ. ได้ประชุมไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2565 และมีมติสรุปค่า Ft  งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 อยู่ที่  68.66 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งเป็นต้นทุนที่แท้จริงตามราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น และเมื่อรวมกับค่า Ft งวดปัจจุบัน (พ.ค. –ส.ค. 2565) ที่เก็บอยู่  24.77 สตางค์ต่อหน่วย จะส่งผลให้ค่า Ft โดยรวมในเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 มาอยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อนำมารวมกับค่าไฟฟ้าฐานประมาณ 3.79 บาทต่อหน่วย จะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย นับเป็นอัตราที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นายกุลิศ ยังกล่าวถึงกรณีเกิดรอยรั่วท่อก๊าซธรรมชาติแหล่งซอติก้า ทำให้ต้องหยุดส่งก๊าซฯฯจากเมียนมามายังประเทศไทยราว 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ก๊าซฯ หายไปจากระบบประมาณ 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันว่า ขณะนี้ ทางบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กำลังเร่งดำเนินการเข้าสำรวจและผลิตในแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณเพิ่มขึ้น  โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ และป้องกันไม่ให้ส่งผ่านมายังค่าไฟ รวมถึงไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงด้านไฟฟ้าของประเทศ 

โดยเบื้องต้น ปตท.สผ. ยืนยันว่า การเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซฯจะกลับมาแตะ 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในสิ้นปีนี้ จากที่กำลังการผลิตลดลงเหลือ 300  ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ดังนั้น คาดว่า ปริมาณการผลิตก๊าซฯที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า