“ศักดิ์สยาม” ลงพื้นที่สุวรรณภูมิมั่นใจปี 66 ผู้โดยสารทะลุ 2 แสนคนต่อวัน

ผู้ชมทั้งหมด 564 

ศักดิ์สยาม” ลงพื้นที่สุวรรณภูมิ แก้ปัญหาความแออัด ประชุมเตรียมพร้อมรองรับผู้โดยสารช่วงประชุมเอเปค ตั้งคณะทำงานควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มั่นใจอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร 2 แสนคนต่อวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และประชุมเตรียมความพร้อมในการให้บริการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก และการเตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค โดยมีคณะผู้บริหารจากกระทรวงคมนาคมผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้เร่งแก้ปัญหาความแอแออัดของผู้โดยสารในพื้นที่ท่าอากาศยานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจากการตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก พบว่า มีความพร้อมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในขั้นตอนการให้บริการและการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร ให้กระบวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความคล่องตัวและให้บริการได้รวดเร็ว 

สำหรับจุดตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้มีการประสานการทำงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอย่างใกล้ชิดเพื่อบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเน้นย้ำให้ บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) หรือทอท. วิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณความต้องการการเดินทางและเที่ยวบินที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ให้การบริการเกิดความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้เดินทาง และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีจำนวนเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อลดความแออัดของจำนวนผู้โดยสารในท่าอากาศยาน 

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสารใช้บรการอยู่ที่ 1-1.2 แสนคนต่อวัน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 8.7 หมื่นคน และเป็นผู้โดยสารในประเทศ 3 หมื่นคน ส่วนการในปี 2566 คาดการณ์ผู้โดยสารจะกลับมาอยู่ที่ประมาณ 200,000 คนต่อวัน และจากสถานการณ์ขณะนี้คาดว่าผู้โดยสารจะกลัมาอย่างก้าวกระโดดแน่นอน

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) หนึ่งในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 นั้น ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2566 เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น ขณะที่ความคืบหน้าแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ อยู่ระหว่างกระบวนการออกแบบเพื่อจัดทำหนังสือจัดซื้อจัดจ้าง (ทีโออาร์) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบการปรับวงเงินก่อสร้างจาก 8,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งยังอยู่ในกรอบโครงการฯ เดิมวงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท ในเดือนมีนาคม 2566 เนื่องจากราคาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างเพิ่มและมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น อาทิ เครื่องเช็คอินอัตโนมัติ เป็นต้น โดยคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนเมษายน2566 และก่อสร้างในช่วงปลายปี 2566 ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2 ปีครึ่ง

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีช่องตรวจอนุญาต ทั้งสิ้น 119 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้รวม 7,140 คน/ชม.แบ่งเป็นโซนตะวันออก จำนวน 56 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้ 3,360 คน/ชม. โซนกลาง จำนวน 20 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้1,200 คน/ชม. โซนตะวัน ตก จำนวน 43 ช่องตรวจ สามารถระบายผู้โดยสารได้ 2,580 คน/ชม. รวมทั้งมีเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ จำนวน 32 เครื่อง แบ่งเป็น ขาเข้า จำนวน 16 เครื่อง ขาออก จำนวน 16 เครื่อง 

นอกจากนี้ ได้จัดทำเสากั้นทางเดินเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ไม่ให้เกิดความแออัดของผู้โดยสารขณะรอรับบริการในขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์เพื่อบริหารจัดการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากการตรวจพบว่าดำเนินการได้รวดเร็วขึ้นสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารได้เพียงพอ พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรักษามาตรฐานการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งมีเที่ยวบินขาเข้าจำนวนมาก ทั้งนี้จากการตรวจติดตามการดำเนินงานทุกขั้นตอนพบว่าดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถบริหารจัดการได้ดี ไม่มีปัญหาใด ๆ

ทั้งนี้ตนได้รับรายงานว่าบุคลากรมีไม่เพียงพอในการให้บริการ จึงได้ขอให้ ตม.ทำเรื่องประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อขอสนับสนุนบุคลากรให้เพียงพอในการรองรับผู้โดยสาร นอกจากนี้ให้ ตม.ทำเรื่องประสานไปยัง ทอท.ในการสำรวจอุปกรณ์ในการอ่านข้อมูลพาสปอร์ตอัตโนมัติว่ามีเพียงพอหรือไม่ เพื่อรองรับช่วงไฮซีซั่น และอำนวยความสะดวกให้นักเดินทางเกิดความประทับใจในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย โดยให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 15วัน 

อย่างไรก็ตามเพื่อให้การรองรับผู้โดยสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้มอบหมายให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ไปตั้งคณะทำงาน เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารที่เข้ามายังประเทศไทย เพื่อแก้ปัญหาและควบคุมการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผน และให้รายงานผลทุกวัน  ที่สำคัญได้มอบให้ ทอท. และกรมท่าอากาศยาน(ทย.) ซึ่งดูแลท่าอากาศยานในภูมิภาคเตรียมพร้อมรับผู้โดยสารที่จะเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศด้วย และมอบให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ดูการบริการรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอกับปริมาณผู้โดยสาร รวมถึงตรวจเข้มเรื่องราคาค่าโดยสารด้วย

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังได้เพิ่มช่องตรวจอนุญาต จำนวน 19 ช่องตรวจ เพื่อรองรับผู้ข้าร่วมประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 โดยแบ่งเป็น โซนตะวันออก จำนวน 8 ช่องตรวจ (AE1 – 8) โซนกลางจำนวน 4 ช่องตรวจ (AM17 – 20) และโซนตะวันตก จำนวน 7 ช่องตรวจ (AW1 – 7) รวมทั้งมอบให้ ทอท. จัดทำคลิปสั้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้บริการท่าอากาศยานทราบในทุกช่องทาง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมเรื่องหลุมจอดอากาศยานขนาดกลางและขนาดใหญ่ของคณะผู้นำเขตเศรษฐกิจ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เตรียมความพร้อมหลุมจอดอากาศยาน เพื่อรองรับอากาศยานของคณะประมุขและผู้นำประเทศที่เดินทางเข้าร่วมประชุม APEC จำนวน 120 หลุมจอด โดยสามารถให้อากาศยานของคณะฯ พักค้างคืนที่หลุมจอดฯ สำหรับเที่ยวบินพาณิชย์ จำนวน 4 ลำ และสามารถจอดพักค้างคืนบนพื้นที่จอดอากาศยานเฉพาะ จำนวน 16 ลำ (รวมทั้งหมด จำนวน 20 ลำ) โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสามารถบริหารจัดการได้โดยไม่กระทบต่อการให้บริการเที่ยวบินพาณิชย์อื่น ๆ ในส่วนท่าอากาศยานดอนเมือง ได้เตรียมความพร้อมหลุมจอดอากาศยาน จำนวน 101 หลุมจอด โดยสามารถให้อากาศยานของคณะฯ พักค้างคืนที่หลุมจอดฯ จำนวน 17 หลุมจอด 

ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ ทอท. ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาขนาดอากาศยานและขนาดพื้นที่ในการรองรับให้เหมาะสม โดยเน้นย้ำต้องให้ความสำคัญกับทุกเขตเศรษฐกิจ และดูแลอย่างเต็มที่ทั้งขาเข้าประเทศและขาออกประเทศ รวมทั้งการให้บริการ Ground Handing แก่อากาศยานของผู้นำ การให้พนักงานบริการประจำห้องรับรองพิเศษ การยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ โดยมอบหมายให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ดำเนินการบริหารจัดการความคล่องตัวของการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Flow Management) ในช่วงเวลาการให้บริการเที่ยวบิน VIP และพิธีการต้อนรับภาคพื้นดินการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ และห้วงอากาศบริเวณพื้นที่ประชุม รองรับมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานความมั่นคง ทั้งในกรณีปกติและฉุกเฉิน พร้อมจัดรถโดยสารสาธารณะเพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจากท่าอากาศยานไปยังจุดหมายปลายทางของผู้โดยสาร โดยมอบ ทอท. ประสานรายละเอียดกับกระทรวงการต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามหลักการและกฎระเบียบ

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เพิ่มความถี่และความเข้มงวดในการตรวจตราทั้งในพื้นที่เขตการบิน (Airside) และพื้นที่สาธารณะ (Landside) โดยปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการตอบรับเข้าร่วมในแต่ละเขตเศรษฐกิจมีข้อเสนอในการขอให้รักษาความปลอดภัยที่แตกต่างกัน กระทรวงคมนาคมจึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมข้อมูลข้อเสนอการรักษาความปลอดภัยในแต่ละเขตเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับรองต่อไป