“ศักดิ์สยาม” สั่ง ทอท. ทำแอคชั่นแพลนแก้ “สุวรรณภูมิ” รอกระเป๋าเดินทางนาน

ผู้ชมทั้งหมด 430 

ศักดิ์สยาม” สั่งทอท.ทำแอคชั่นแพลนแก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิรอกระเป๋าเดินทางนานเกินครึ่งชั่วโมง ระบุให้เวลา 1 เดือนต้องไม่ล่าช้า หากทำไม่ได้จะเพิ่มผู้ให้บริการรายใหม่ทันที ขณะที่ ตม.ปัญหา คาดเดือนหน้าผู้โดยสารทะลุ 1.3 แสนคนต่อวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าตามข้อสั่งการในการเตรียมความพร้อมการให้บริการผู้โดยสารขาเข้าและขาออก และการอำนวยความสะดวกในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค โดยมีผู้บริหารจากกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยผู้แทนจากกรมการกงสุล กรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า จากการตรวจติดตาม พบว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมาค่อนข้างประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะความแออัดบริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ สามารถบรรเทาความแออัดอย่างเห็นได้ชัด โดยการบริหารจัดการคิวรอตรวจหนังสือเดินทางมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วขึ้น ผู้โดยสารใช้เวลารอคิวเพื่อตรวจหนังสือเดินทางเฉลี่ย 15 นาทีต่อคน และใช้เวลาหน้าจุดตรวจหนังสือเดินทาง 60 วินาทีต่อคน แต่ยังคงพบปัญหาในบางกรณีที่เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Auto Channel) ไม่สามารถสแกนหนังสือเดินทางผู้โดยสารชาวไทยได้ อาทิ หนังสือเดินทางที่ออกโดยเครื่อง Kiosk และหนังสือเดินทางที่ทำตั้งแต่เดือนก.ค. 63 เป็นต้นมา จะยังไม่สามารถใช้เครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Auto Channel) ได้ ดังนั้นทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (บก.ตม.2) จึงได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารคนไทยที่ไม่สามารถสแกนหนังสือเดินทางด้วยเครื่อง Auto Channel ไปตรวจหนังสือเดินทาง ผ่านเคาน์เตอร์ตามปกติ

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ส่วนปัญหาการรับกระเป๋าสัมภาระล่าช้า เนื่องจากปัจจุบันบริษัทผู้ให้บริการภาคพื้นประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรและอุปกรณ์ ทำให้การบริการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระขาเข้ามีความล่าช้าในบางเที่ยวบิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทผู้ให้บริการภาคพื้นที่ให้บริการอยู่มี 2 บริษัท แห่ง ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด ( Bangkok Flight Services : BFS)  แต่มีข้อมูลว่าบริษัทฯกำลังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรและอุปกรณ์ ส่งผลให้การบริการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระขาเข้ามีความล่าช้าในบางเที่ยวบิน โดยเฉพาะ BFS ที่ขนภ่ายลำเลียงกระเป๋าสัมภาระมาถึงผู้โดยสารที่รอยู่เฉลี่ย 25 นาที ขณะที่บริษัท การบินไทยฯ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และในบางเที่ยวบินใช้เวลารอนานถึง 1.30 ชั่วโมง ซึ่งเกินเป้าหมายในการรอกระเป๋าแต่ละเที่ยวบิน

ดังนั้นจึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับทั้ง 2 บริษัทผู้ให้บริการ เพื่อวิเคราะห์กระบวนการทำงานและข้อจำกัดในการให้บริการ และให้จัดทำแผนปฏิบัติการ(Action Plan) เพื่อปรับแผนการบริหารจัดการให้มีความพร้อมรองรับปริมาณจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสาร โดยให้เวลาดำเนินงาน 1 เดือน หากไม่สามารถให้บริการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้คือการขนถ่ายกระเป๋าภายในเวลา 30 นาทีของแต่ละเที่ยวบิน ก็จำเป็นต้องมีการเพิ่มผู้ให้บริการรายใหม่เข้ามาช่วยแต่หากทำได้ก็ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์ว่าจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่น่าจะเดินทางเข้ามาในช่วงไตรมาศที่ 1 ของปี 66

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า สำหรับปัญหาความคับคั่งในการใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะ ในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งเปิดช่องทางแท็กซี่เพิ่มเพื่อให้รถแท็กซี่สามารถเข้ามารับผู้ใช้บริการได้เร็วขึ้น รวมทั้งขยายพื้นที่รอคอยกดตั๋วแท็กซี่ และกำหนดจุดยืนรอคิวรับบริการแท็กซี่ เพื่อความเป็นระเบียบและลดความแออัดของผู้มาใช้บริการ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารสามารถลดระยะเวลาในการรอคิว รถแท็กซี่เหลือเพียงประมาณ 10 นาทีต่อคน

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะที่เป็นสมาชิกให้บริการ ณ ทสภ. อยู่ประมาณ 2,400 คัน ลดลงจากช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด Covid-19 ที่มีผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะที่เป็นสมาชิก ประมาณ 4,200 คัน แต่ถือว่ายังเพียงพอต่อการให้บริการอยู่ในเวลานี้ แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่แนวคิดที่จะนำเอาบริการแกร็บแท็กซี่ มาให้บริการที่ ทสภ. เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารไม่ต้องรอนานนั้น ได้มอบให้ทาง ทอท. ไปหารือกับสมาคมรถแท็กซี่เดิมที่ให้บริการอยู่ให้ชัดเจนว่ามีแท็กซี่เพียงพอต่อการให้บริการหรือไม่  หรือพร้อมให้ดึงแกร็บแท็กซี่เข้ามาร่วมให้บริการฃหรือไม่

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า จากการดำเนินการแก้ไขปัญหาความแออัดผู้โดยสารในระยะเร่งด่วน ปัจจุบันผู้โดยสารใช้เวลาตั้งแต่ลงเครื่องรับสัมภาระกระเป๋าจนออกจากท่าอากาศยาน มีระยะเวลาเฉลี่ยในกระบวนการขาเข้าระหว่างประเทศ ประมาณ 40 นาที ต่อผู้โดยสาร 1 คน ซึ่งถือว่าการบริการในภาพรวมทุกกระบวนการมีความคล่องตัวขึ้น จากการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารในช่วงเดือน ธ.ค.65 ณ ทสภ. จะมีจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศและภายในประเทศ รวมประมาณ 130,000 คน/วัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากเดือนพ.ย.65 ที่มีจำนวนผู้โดยสารรวมประมาณ 115,000 คน/วัน)

อย่างไรก็ตามได้เน้นย้ำให้ ทอท. วิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณการเดินทางและเที่ยวบินที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ให้การบริการมีความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีจำนวนเที่ยวบินหนาแน่น เพื่อลดความแออัดของจำนวนผู้โดยสารในท่าอากาศยาน รวมทั้งมอบนโยบายให้ ทอท. ดำเนินการแก้ไขปัญหาความคับคั่งในท่าอากาศยาน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถรองรับจำนวนผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ได้เร่งให้ ทอท. เปิดให้บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT 1) ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 66 (ม.ค.-มี.ค.66) โดยให้มีการทำ Visa on Arrival และตรวจหนังสือเดินทางที่อาคาร SAT 1 ให้เรียบร้อย เพื่อลดความแออัดในพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางบริเวณอาคารผู้โดยสารหลัก และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการผู้โดยสารด้วย