“สนข.” จ่อชง ครม.เดินหน้าโปรเจ็ค “แลนด์บริดจ์” ชุมพร-ระนอง ปลายปีนี้

ผู้ชมทั้งหมด 362 

สนข.” จ่อชง ครม.เดินหน้าโปรเจ็ค “แลนด์บริดจ์” ชุมพร-ระนอง สิ้นปีนี้ ก่อนลุยเดินสายดึงนักลงทุนต่างชาติร่วมทุน พร้อมเร่งจัดตั้ง SEC ขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้

นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนศึกษาโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (แลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง) วงเงินศึกษา 67 ล้านบาทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในหลักการภายในสิ้นปีนี้ หากได้รับความเห็นชอบแล้วจะนำข้อมูลและรูปแบบการดำเนินงาน รวมทั้งเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ของโครงการฯ นำเสนอต่อนักลงทุนในต่างประเทศ (RoadShow) อาทิ จีน,ฝรั่งเศส ,และเยอรมัน  เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะของผู้ที่สนใจลงทุนในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2566 หลังจากนั้น สนข.จะดำเนินการปรับปรุงรายละเอียดและรูปแบบการวิเคราะห์ของโครงการฯ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2566 และจะนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติการดำเนินโครงการฯ ภายในเดือน มิ.ย. 2566

นายปัญญา กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน สนข.อยู่ระหว่างดำเนินการจัดตั้งสำนักงานกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) และจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (พ.ร.บ.SEC) เพื่อเป็นหน่วยงานในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ในลักษณะเดียวกับพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ร.บ.อีอีซี) ที่ใช้ขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  คาดว่าจะเสนอ ครม. เห็นชอบในหลักการภายในปี 2565 และเสนออนุมัติ พ.ร.บ.ดังกล่าว ภายใน มิ.ย. 2566 ซึ่งดำเนินการควบคู่กับการเสนอขออนุมัติโครงการฯ

หลังจากนั้นจะเสนอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและเข้าสู่กระบวนการเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร อนุมัติภายในไตรมาส 4 ของปี 2567 ซึ่งหากร่าง พ.ร.บ.SEC มีผลบังคับใช้แล้ว จะดำเนินการจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) เพื่อคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนภายในไตรมาส 1 ของปี 2568  คาดว่าจะลงนามสัญญาผู้ชนะการประมูลภายในไตรมาส 3 ของปี 2568 และดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2568 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการในระยะแรกในปี 2573

นายปัญญา กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการศึกษาพัฒนาท่าเรือของโครงการฯ เพื่อเชื่อมระบบรางและทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เบื้องต้น สนข.ได้ดำเนินการศึกษาท่าเรือ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 ระยะ รวมรองรับปริมาณตู้สินค้าฝั่งละจำนวน 40 ล้าน ที.อี.ยู. ประกอบด้วย 1.ท่าเรือแหลมริ่ว จังหวัดระนอง โดยระยะที่ 1 สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าจำนวน 20 ล้าน ที.อี.ยู. และระยะที่ 2 สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าจำนวน 20 ล้าน ที.อี.ยู.

2.ท่าเรืออ่าวอ่าง จังหวัดชุมพร แบ่งออกเป็น 2 ระยะ รวมรองรับปริมาณตู้สินค้าจำนวน 40 ล้าน ที.อี.ยู. โดยระยะที่ 1 สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าจำนวน 20 ล้าน ที.อี.ยู. และระยะที่ 2 สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าจำนวน 20 ล้าน ที.อี.ยู. โดยเมื่อเทียบกับท่าเรือ TUAS ประเทศสิงคโปร์ ในปัจจุบันสามารถพัฒนาท่าเรือในระยะที่ 1 เพื่อรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ถึง 20 ล้าน ที.อี.ยู. เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ โครงการฯเป็นท่าเรือที่ทันสมัยโดยควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติเพื่อขนส่งตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ ซึ่งจะเชื่อมต่อร่วมกับแนวเส้นทางของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) และรถไฟทางคู่ (MR-Map) โดยใช้แนวเส้นทาง MR8 ชุมพร-ระนอง ซึ่งทางรถไฟได้ออกแบบเพื่อรองรับ Double Deck รองรับการขนส่งตู้สินค้าของท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง

สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ ชุมพร-ระนอง มีระยะทางรวม 109 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งมีรูปแบบการก่อสร้างในลักษณะอุโมงค์ ระยะทาง 21 กม. โดยมีจุดเริ่มต้นที่ท่าเรือแหลมริ่ว จังหวัดชุมพร ฝั่งอ่าวไทย ผ่านแนวเส้นทาง MR8 ชุมพร-ระนอง ระยะทาง 89.35 กม. และมีจุดสิ้นสุดที่ท่าเรืออ่าวอ่าง จังหวัดระนอง ฝั่งอันดามัน