ผู้ชมทั้งหมด 5,494
“สุรพงษ์” ยันไม่โล๊ะบอร์ด รัฐวิสาหกิจ ไม่รื้อตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง เปิดกว้างให้คนเดิมทำงานเต็มที่ ย้ำต้องทำตามระเบียบข้อบังคับ และยึดกฎหมายราชการเป็นหลัก
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนกำกับดูแลหน่วยงานระบบราง และ ทางบก ซึ่งมีหน่วยงานในรัฐวิสาหกิจในกำกับขอยืนยันว่าไม่มีนโยบาย และจะไม่มีการส่งสัญญาณ ในการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบอร์ด และ ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหน่วยงานที่ตนกำกับดูแล ดังนั้นไม่ต้องกังวล กับกระแสข่าวต่างๆว่าตนจะเข้ามาปรับเปลี่ยนเพราะตนพร้อมเปิดกว้างให้ทุกคนทำงานเต็มที่ แต่การทำงานในแต่ละหน่วยงานจะต้องสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล และต้องมีตัวชี้วัดในการทำงานด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนจะเริ่มเดินสายไปมอบนโยบายให้กับหน่วยงานที่กำกับดูแลภายในสัปดาห์นี้ โดยจะเริ่มไปหน่วยงานแรก ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ก่อนจะทยอยไปจนครบทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของตน โดยนโยบายหลักๆจะเน้นให้ทำงานตอบสนองนโยบายของรัฐบาล รวมถึงจะสั่งการให้แต่ละหน่วยงานไปดูว่า ในการทำงานมีระเบียบ ข้อบังคับ หรือ กฎหมาย อะไรบ้างในหน่วยงานที่ข้อบังคับที่อาจจะส่งผลต่อความล่าช้าในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือ การบริการประชาชน ก็ให้มีการปรับปรุงแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. ….ที่ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรนั้น โดยหลักการเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะต้องมีการนำเสนอใหม่ ซึ่งตนก็พร้อมผลักดันอย่างเต็มที่ เนื่องจากหาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ เมื่อมีผลบังคับใช้จะช่วยทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ในหลายๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริการ และ ค่าโดยสาร ที่จะเป็นธรรมมากขึ้น
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนจะมอบนโยบายให้หน่วยงานไปจัดทำรายละเอียดโครงการที่จะเร่งดำเนินการในงบประมาณปี67 ทั้งแผนการดำเนินการแบบเร่งด่วน แผนการดำเนินการระยะกลาง และ แผนดำเนินการระยะยาว และส่งกลับมายังกระทรวงคมนาคมภายในสัปดาห์นี้ เพื่อวางกรอบในการจัดทำแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกันให้สอดรับกับการขนส่งทางบก กับ รถเมล์ ขสมก.,รถของ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และ รถร่วม บขส.เพื่อให้การเดินทางครอบคลุมทั้งระบบด้วย
ทั้งนี้หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของตนประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) ,กรมการขนส่งทางราง (ขร.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.), บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ,บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) และบริษัท รถไฟฟ้า รฟท. จำกัด (รถไฟสายสีแดง)