“สุริยะ” เดินหน้าโรดโชว์แลนด์บริดจ์ที่จีน ดึงนักลงทุนกว่า 30 บริษัทเข้าร่วมโครงการ

ผู้ชมทั้งหมด 112 

“สุริยะ” เดินหน้าโรดโชว์แลนด์บริดจ์ที่จีน ดึงนักลงทุนกว่า 30 บริษัทเข้าร่วมโครงการ หวังเชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิก-อินเดีย ช่วยย่นระยะเวลาการขนส่งทางทะเล ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ดันเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการค้าแห่งใหม่ของโลก

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในโอกาสที่ตนและคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย – จีน (JC) ครั้งที่ 31 และการประชุมหารือด้านการคมนาคมขนส่งกับหน่วยงานภาครัฐของจีน จึงถือโอกาสจัดงาน “Thailand Landbridge Roadshow” เมื่อวันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท ปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเชิญชวนนักลงทุนชาวจีน ร่วมลงทุนในโครงการฯ โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนภาคธุรกิจของจีน

นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้ให้ข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการแลนด์บริดจ์ อาทิ โอกาสทางธุรกิจ รูปแบบการลงทุน ศักยภาพทำเลที่ตั้งของพื้นที่โครงการ และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ โดยมีนักลงทุนภาคธุรกิจของจีน ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน จำนวน 30 บริษัท ประกอบด้วย ผู้ประกอบการสายการเดินเรือ ผู้ประกอบการด้านการบริหารท่าเรือ ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการด้านการเงินผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหลังท่า ผู้ประกอบการประกันภัย ผู้ประกอบการด้านการก่อสร้าง เช่น บริษัท COSCO Shipping Lines (Beijing) บริษัท Sinotrans Overseas Development  บริษัท China Harbour Engineering ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน บริษัท China Railway International Development บริษัท Hutchison Ports บริษัท China Machinery Engineering Corporation บริษัท China Shandong International Economic & Technical Cooperation Grop  และบริษัท Xiaomi Corporation เป็นต้น

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ ได้กำหนดรูปแบบการลงทุนเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยรัฐบาลจะดำเนินการจัดหาที่ดินและให้สิทธิเอกชนดำเนินงาน ส่วนเอกชนลงทุนค่าก่อสร้าง บริหารจัดการ และรับผลประโยชน์จากการพัฒนาโครงการเป็นระยะเวลา 50 ปี พร้อมทั้งส่งเสริมการต่อยอดอุตสาหกรรมเกษตรในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม 5 New S-curve  ได้แก่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ (Logistics) อุตสาหกรรมดิจิตอล (Digital) อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ซึ่งในอนาคตโครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดียเข้าด้วยกัน ช่วยลดระยะเวลาการขนส่งทางทะเล และต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เกิดเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการค้าแห่งใหม่ของโลก

อย่างรก็ตามที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว ให้นานาประเทศได้รู้จักโครงการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนที่มีศักยภาพจากหลายประเทศให้ความสนใจโครงการ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และประเทศฝั่งตะวันออกกลาง