ส.กทอ.ยันไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงสูงติดโควิดมาทำงาน

ผู้ชมทั้งหมด 392 

ส.กทอ. ยันไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดโควิดมาปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงาน พร้อมชี้แจงพนักงานขับรถติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 คนพบกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดจำนวน 23 คนทั้งหมดอยู่ในมาตรการกักตัวเฝ้าสังเกตุอาการ 14 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ได้ชี้แจงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 64 ในรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า มีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพลังงานเรียกเจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงสูงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้เข้ามาทำงานนั้น สำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หรือ ส.กทอ.ในฐานะหน่วยงานที่มีลักษณะการอ้างถึงในข่าวดังกล่าว ขอเรียนชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และหน่วยงานไม่ได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงสูงให้เข้ามาปฏิบัติงานตามที่สื่อนำเสนอ

นายเพทาย  หมุดธรรม  รักษาการผู้จัดการ ส.กทอ กล่าวว่า ส.กทอ. ซึ่งมีสถานที่ทำงานเป็นอาคารเช่าอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต มีจำนวนพนักงานรวม 103 คน โดยในวันศุกร์ที่ 9 ก.ค.64 พบว่ามีพนักงานขับรถติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 คน หลังจากนั้นได้คัดแยกผู้ใกล้ชิดเบื้องต้น จำนวน 23 คนให้อยู่ในมาตรการกักตัวเฝ้าสังเกตอาการ 14 วัน ที่พักอาศัยทันทีส่วนพนักงานที่เหลือให้ work from home ทั้งหมด (มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 12 – 23 ก.ค. 64) พร้อมกับฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดสถานที่ทำงานเรียบร้อยแล้ว

โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มีการซักประวัติรายละเอียดของกลุ่มสัมผัสใกล้ชิดเบื้องต้นจำนวน 23 คน พบว่ามีความเสี่ยงสูงจำนวน 18 คน โดยอีก 5 คน ถือเป็นกลุ่มความเสี่ยงต่ำ โดยความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกิดขึ้นจากการที่พนักงาน 1 ใน 5 คนที่มีความเสี่ยงต่ำได้เข้ามาปฏิบัติงาน ซึ่ง ส.กทอ. ได้แจ้งให้พนักงานภายในเข้าใจโดยทั่วกันแล้ว

ส่วนกรณีที่มีการอนุมัติให้พนักงานที่อยู่ในกลุ่ม work from home เข้ามาปฏิบัติงานรวมจำนวน 15 คนตามภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่มีความจำเป็นต้องมาปฏิบัติงานในสถานที่ (ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.64) นั้นตนยืนยันว่าไม่มีพนักงานที่มีความเสี่ยงสูงเข้ามาปฏิบัติงานแต่อย่างใด 

ทั้งนี้สำนักงาน ได้ให้พนักงานที่เข้ามาปฏิบัติการดำเนินการทำงานตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และเพื่อเกิดความปลอดภัยให้มากที่สุดพร้อมทั้งรายงานข้อเท็จจริงให้กระทรวงพลังงานทราบแล้ว